
การเสริมสร้างจริยธรรมสำหรับผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานคร
- ผู้วิจัย : พระมหานันทวิท์ ธีรภทฺโท (แก้วบุตรดี) และคณะ
- สังกัด : สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
- อีเมล : sakorn_49@hotmail.com
- แหล่งทุน : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 2559
- ที่มา : พระมหานันทวิท์ ธีรภทฺโท (แก้วบุตรดี) และคณะ. (2559). การเสริมสร้างจริยธรรมสำหรับผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานคร (รายงานการวิจัย). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
องค์ความรู้
งานวิจัยเรื่อง “การเสริมสร้างจริยธรรมสำหรับผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานคร” มีวัตถุประสงค์เพื่อ
- เพื่อวิเคราะห์สภาพปัญหาจริยธรรมของผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานคร
- เพื่อวิเคราะห์กระบวนการสร้างจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการสำหรับผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานคร
- เพื่อเสนอผลการเสริมสร้างจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการสำหรับผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานคร
กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ต้องขังทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง กรมราชทัณฑ์ที่สมัครเข้าร่วมโครงการ “สัคคสาสมาธิ” รุ่นที่ 2 จำนวน 144 คน อายุระหว่าง 18-25 ปี
กรอบแนวคิดในการวิจัย
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษากระบวนการเสริมสร้างจริยธรรมของผู้ต้องขังเชิงพุทธบูรณาการ โดยอาศัยหลักพุทธธรรมมาบูรณาการกับวิธีการอบรมคุณธรรม จริยธรรม และวิเคราะห์ผลของกระบวนการเสริมสร้างจริยธรรมเชิงพุทธบูรณการ เพื่อได้แนวทางการเสริมสร้างจริยธรรมสำหรับผู้ต้องขังเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ต่อไป
ผลการวิจัย พบว่า
- สภาพปัญหาจริยธรรมผู้ต้องขังในสังคมไทย ผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด สะท้อนให้เห็นสภาพการขาดจริยธรรมในสังคมไทย มีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ มีรายได้ไม่เพียงพอกับการเลี้ยงครอบครัว เป็นคนด้อยโอกาสทางสังคม มีค่านิยมการดำเนินชีวิตรักความสบาย อยากรวยเร็ว มีพฤติกรรมการเลียนแบบทางสังคมที่ผิด และพบว่าเมื่อพ้นโทษแล้วกลับมากระทำผิดซ้ำอีก มีสาเหตุหลักมาจากการไม่ยอมรับของสังคม ไม่มีงานทำและเป็นคนไร้ค่าในสังคม
- กระบวนการสร้างจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการสำหรับผู้ต้องขัง มีขั้นตอนคือ การควบคุมและพัฒนาพฤตินิสัย และได้นำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ ได้แก่ หลักศีล 5 มรรคมีองค์ 8 หลักสังควัตถุ 4 พรหมวิหาร 4 โยนิโสมนสิการ และหิริโอตัปปะ มีกระบวนการสำคัญ ได้แก่ (1) การฝึกสัมมาทิฏฐิ (2) ฝึกอบรมศีล สมาธิ และปัญญา (3) การปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาประจำวันและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
- ผลกระบวนการสร้างจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการสำหรับผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานคร ผู้เข้าร่วมอบรมหลักสูตรสัคคสาสมาธิมีจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการสูงกว่าก่อนเข้าอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ พบว่า หลังทดลองคะแนนจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการในภาพรวมและรายด้านมีคะแนนสูงกว่าก่อนการทดลองทุกด้าน ซึ่งมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากทุกด้านโดยคะแนนจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยก่อนและหลังการทดลองเท่ากับ 4.09 และ 4.28 (SD. =.477 และ .464) จากคะแนนเฉลี่ยเต็ม 5 คะแนน และพิจารณารายด้านพบว่า หลังการทดลองด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือ ด้านการพัฒนาทางจิตใจเท่ากับ 4.35 และ SD. = 534 รองลงมาด้านการพัฒนาทางกาย และพัฒนาทางปัญญา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.28 และ SD. = 554. และ .553) และ ด้านการพัฒนาทางสังคมมีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด เท่ากับ 4.24 และ SD. = .555 โดยทุกด้านมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน ตามลำดับ
องค์ความรู้จากงานวิจัย
จากแผนภาพ สามารถสรุปเป็นองค์ความรู้ของการวิจัยจะเห็นได้ว่า กระบวนการสร้างจริยธรรม จะต้องอาศัยกระบวนการขัดเกลาทางสังคมตั้งแต่ครอบครัวเป็นอันดับแรก ที่จะปลูกฝังจริยธรรมให้กับเยาวชน และสภาพแวดล้อมทางสังคมจะเป็นตัวหล่อหลอมพฤติกรรม ส่วนการพัฒนาจริยธรรมของผู้ต้องขัง จำเป็นต้องอาศัยการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาจัดศูนย์พัฒนาจริยธรรมในเรือนจำ จัดหลักสูตรเพิ่มเติม นอกเหนือจากหลักสูตรที่กำหนดจากกรมราชทัณฑ์ อาศัยผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เข้ามาจัดตั้งเครือข่ายในการพัฒนาร่วมกัน ตลอดจนการติดตามผล เพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำ
การจัดอบรมพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง โดยอาศัยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและกระบวนการฝึกอบรมตามหลักไตรสิกขา เป็นการฝึกอบรมกาย ฝึกอบรมศีล ฝึกอบรมจิตใจ และฝึกอบรมทางปัญญา ตลอดจนการเข้าร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยพัฒนาการด้านกาย พัฒนาด้านศีล พัฒนาด้านจิตใจ และพัฒนาด้านปัญญาของผู้ต้องขังให้มี 2 จริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการ เป็นวิธีการนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้กับการฝึกอบรมกาย ฝึกอบรมศีล ฝึกอบรมจิตใจ และฝึกอบรมปัญญา โดยมีหลักธรรมที่ส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมทางจริยธรรม ได้แก่ หลักศีล 5 มรรคมีองค์ 8 หลักสังควัตถุ 4 พรหมวิหาร 4 หลักสุจริต 3 และหิริ โอตัปปะ การพัฒนาพฤติกรรมเชิงพุทธบูรณการ เป็นหลักการพัฒนามนุษย์ตามหลักการทางพระพุทธศาสนาด้วยการพัฒนาระบบการดำเนินชีวิตทั้งสามด้านให้เป็นการพัฒนาแบบองค์รวม ได้แก่ การพัฒนาด้านกาย การพัฒนาด้านศีล การพัฒนาจิตใจ และการพัฒนาปัญญา โดยผู้ที่ได้รับการพัฒนาจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการ จะมีคุณลักษณะของผู้ที่ได้รับการพัฒนาตามกรอบภาวนา 4 ได้แก่
- การพัฒนาทางกาย ได้แก่ การรู้จักดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พิจารณาอาหารอย่างพอดี คำนึงถึงคุณและโทษ มีการดูแลอุปกรณ์เครื่องใช้ และทำความสะอาดอุปกรณ์ โดยไม่ต้องรอคำสั่ง สามารถจัดการสภาพแวดล้อมที่ฉันอาศัยอยู่ ให้มีความสะอาด เรียบร้อย
- การพัฒนาด้านสังคม ได้แก่ รู้จักอยู่ร่วมกับผู้อื่น มีความอดทนและรู้จักให้อภัยซึ่งกันและมีส่วนร่วมในการจัดหรือทำกิจกรรมของส่วนรวม แบ่งปันสิ่งของและให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น พูดจาแนะนำผู้อื่นเมื่อผู้อื่นเดือดร้อน และไม่เบียดเบียนผู้อื่นทางกาย วาจา และใจ
- การพัฒนาด้านจิตใจ ได้แก่ รู้จักวิธีควบคุมตนเองในการกระทำสิ่งไม่ดีงาม มีรู้สึกมีจิตใจปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย ไม่เศร้าหมอง ความเอื้อเฟื้อและช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเชื่อมั่นว่าความขยัน ประกอบอาชีพสุจริต จะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ และมีจิตใจเข้มแข็ง เอื้อเฟื้อและช่วยเหลือผู้อื่น
- การพัฒนาด้านปัญญา ได้แก่การแสดงออกความตั้งใจที่จะแสวงหาความรู้สิ่งใหม่ๆเพื่อพัฒนาตนเอง หลีกเลียงกระทำสิ่งที่ไม่ดี มีจิตใจปล่อยวางได้ ยอมรับความเปลี่ยนแปลงของชีวิตและการรับรู้สิ่งต่างๆตามความเป็นจริง รักษาใจให้นิ่งสงบและปล่อยวางได้ หลีกเลี่ยงและไม่กระทำบาปทั้งทางกายและทางใจต่อผู้อื่น
ผู้ได้รับการพัฒนาจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการ ทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยป้องกันไม่ให้กลับมากระทำาผิดซ้ำอีก และสร้างคนดีที่จะสามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้