การเสริมสร้างจริยธรรมสำหรับผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานคร

องค์ความรู้

งานวิจัยเรื่อง “การเสริมสร้างจริยธรรมสำหรับผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานคร” มีวัตถุประสงค์เพื่อ

  1. เพื่อวิเคราะห์สภาพปัญหาจริยธรรมของผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานคร
  2. เพื่อวิเคราะห์กระบวนการสร้างจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการสำหรับผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานคร
  3. เพื่อเสนอผลการเสริมสร้างจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการสำหรับผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานคร

กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ต้องขังทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง กรมราชทัณฑ์ที่สมัครเข้าร่วมโครงการ  “สัคคสาสมาธิ” รุ่นที่ 2 จำนวน 144 คน อายุระหว่าง 18-25 ปี

กรอบแนวคิดในการวิจัย

การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษากระบวนการเสริมสร้างจริยธรรมของผู้ต้องขังเชิงพุทธบูรณาการ โดยอาศัยหลักพุทธธรรมมาบูรณาการกับวิธีการอบรมคุณธรรม จริยธรรม และวิเคราะห์ผลของกระบวนการเสริมสร้างจริยธรรมเชิงพุทธบูรณการ เพื่อได้แนวทางการเสริมสร้างจริยธรรมสำหรับผู้ต้องขังเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและพฤติกรรมที่พึงประสงค์ต่อไป

ผลการวิจัย พบว่า

  1. สภาพปัญหาจริยธรรมผู้ต้องขังในสังคมไทย ผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด สะท้อนให้เห็นสภาพการขาดจริยธรรมในสังคมไทย มีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ มีรายได้ไม่เพียงพอกับการเลี้ยงครอบครัว เป็นคนด้อยโอกาสทางสังคม มีค่านิยมการดำเนินชีวิตรักความสบาย อยากรวยเร็ว มีพฤติกรรมการเลียนแบบทางสังคมที่ผิด และพบว่าเมื่อพ้นโทษแล้วกลับมากระทำผิดซ้ำอีก มีสาเหตุหลักมาจากการไม่ยอมรับของสังคม ไม่มีงานทำและเป็นคนไร้ค่าในสังคม
  2. กระบวนการสร้างจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการสำหรับผู้ต้องขัง มีขั้นตอนคือ การควบคุมและพัฒนาพฤตินิสัย และได้นำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้ ได้แก่ หลักศีล 5 มรรคมีองค์ 8 หลักสังควัตถุ 4 พรหมวิหาร 4 โยนิโสมนสิการ และหิริโอตัปปะ มีกระบวนการสำคัญ ได้แก่ (1) การฝึกสัมมาทิฏฐิ (2) ฝึกอบรมศีล สมาธิ และปัญญา (3) การปฏิบัติกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาประจำวันและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
  3. ผลกระบวนการสร้างจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการสำหรับผู้ต้องขังในเขตกรุงเทพมหานคร ผู้เข้าร่วมอบรมหลักสูตรสัคคสาสมาธิมีจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการสูงกว่าก่อนเข้าอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ พบว่า หลังทดลองคะแนนจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการในภาพรวมและรายด้านมีคะแนนสูงกว่าก่อนการทดลองทุกด้าน ซึ่งมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากทุกด้านโดยคะแนนจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยก่อนและหลังการทดลองเท่ากับ 4.09 และ 4.28 (SD. =.477 และ .464) จากคะแนนเฉลี่ยเต็ม 5 คะแนน และพิจารณารายด้านพบว่า หลังการทดลองด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดคือ ด้านการพัฒนาทางจิตใจเท่ากับ 4.35 และ SD. = 534 รองลงมาด้านการพัฒนาทางกาย และพัฒนาทางปัญญา มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.28 และ SD. = 554. และ .553) และ ด้านการพัฒนาทางสังคมมีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด เท่ากับ 4.24 และ SD. = .555 โดยทุกด้านมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุดทุกด้าน ตามลำดับ

องค์ความรู้จากงานวิจัย

จากแผนภาพ สามารถสรุปเป็นองค์ความรู้ของการวิจัยจะเห็นได้ว่า กระบวนการสร้างจริยธรรม จะต้องอาศัยกระบวนการขัดเกลาทางสังคมตั้งแต่ครอบครัวเป็นอันดับแรก ที่จะปลูกฝังจริยธรรมให้กับเยาวชน และสภาพแวดล้อมทางสังคมจะเป็นตัวหล่อหลอมพฤติกรรม ส่วนการพัฒนาจริยธรรมของผู้ต้องขัง จำเป็นต้องอาศัยการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาจัดศูนย์พัฒนาจริยธรรมในเรือนจำ จัดหลักสูตรเพิ่มเติม นอกเหนือจากหลักสูตรที่กำหนดจากกรมราชทัณฑ์ อาศัยผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เข้ามาจัดตั้งเครือข่ายในการพัฒนาร่วมกัน ตลอดจนการติดตามผล เพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำ

การจัดอบรมพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง โดยอาศัยหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาและกระบวนการฝึกอบรมตามหลักไตรสิกขา เป็นการฝึกอบรมกาย ฝึกอบรมศีล ฝึกอบรมจิตใจ และฝึกอบรมทางปัญญา ตลอดจนการเข้าร่วมกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยพัฒนาการด้านกาย พัฒนาด้านศีล พัฒนาด้านจิตใจ และพัฒนาด้านปัญญาของผู้ต้องขังให้มี 2 จริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการ เป็นวิธีการนำหลักธรรมมาประยุกต์ใช้กับการฝึกอบรมกาย ฝึกอบรมศีล ฝึกอบรมจิตใจ และฝึกอบรมปัญญา โดยมีหลักธรรมที่ส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมทางจริยธรรม ได้แก่ หลักศีล 5 มรรคมีองค์ 8 หลักสังควัตถุ 4 พรหมวิหาร 4 หลักสุจริต 3 และหิริ โอตัปปะ การพัฒนาพฤติกรรมเชิงพุทธบูรณการ เป็นหลักการพัฒนามนุษย์ตามหลักการทางพระพุทธศาสนาด้วยการพัฒนาระบบการดำเนินชีวิตทั้งสามด้านให้เป็นการพัฒนาแบบองค์รวม ได้แก่ การพัฒนาด้านกาย การพัฒนาด้านศีล การพัฒนาจิตใจ และการพัฒนาปัญญา โดยผู้ที่ได้รับการพัฒนาจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการ จะมีคุณลักษณะของผู้ที่ได้รับการพัฒนาตามกรอบภาวนา 4 ได้แก่

  1. การพัฒนาทางกาย ได้แก่ การรู้จักดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พิจารณาอาหารอย่างพอดี คำนึงถึงคุณและโทษ มีการดูแลอุปกรณ์เครื่องใช้ และทำความสะอาดอุปกรณ์ โดยไม่ต้องรอคำสั่ง สามารถจัดการสภาพแวดล้อมที่ฉันอาศัยอยู่ ให้มีความสะอาด เรียบร้อย
  2. การพัฒนาด้านสังคม ได้แก่ รู้จักอยู่ร่วมกับผู้อื่น มีความอดทนและรู้จักให้อภัยซึ่งกันและมีส่วนร่วมในการจัดหรือทำกิจกรรมของส่วนรวม แบ่งปันสิ่งของและให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น พูดจาแนะนำผู้อื่นเมื่อผู้อื่นเดือดร้อน และไม่เบียดเบียนผู้อื่นทางกาย วาจา และใจ
  3. การพัฒนาด้านจิตใจ ได้แก่ รู้จักวิธีควบคุมตนเองในการกระทำสิ่งไม่ดีงาม มีรู้สึกมีจิตใจปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย ไม่เศร้าหมอง ความเอื้อเฟื้อและช่วยเหลือผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเชื่อมั่นว่าความขยัน ประกอบอาชีพสุจริต จะทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ และมีจิตใจเข้มแข็ง เอื้อเฟื้อและช่วยเหลือผู้อื่น
  4. การพัฒนาด้านปัญญา ได้แก่การแสดงออกความตั้งใจที่จะแสวงหาความรู้สิ่งใหม่ๆเพื่อพัฒนาตนเอง หลีกเลียงกระทำสิ่งที่ไม่ดี มีจิตใจปล่อยวางได้ ยอมรับความเปลี่ยนแปลงของชีวิตและการรับรู้สิ่งต่างๆตามความเป็นจริง รักษาใจให้นิ่งสงบและปล่อยวางได้ หลีกเลี่ยงและไม่กระทำบาปทั้งทางกายและทางใจต่อผู้อื่น
    ผู้ได้รับการพัฒนาจริยธรรมเชิงพุทธบูรณาการ ทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยป้องกันไม่ให้กลับมากระทำาผิดซ้ำอีก และสร้างคนดีที่จะสามารถอยู่ร่วมกับสังคมได้

 

Scroll to Top
ห้องวิจัยพุทธศาสตร์อัจฉริยะ BRL: Buddhist Research LAB
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.