เวียงน้ำเต้า: การพัฒนา แหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรม ในพื้นที่เมืองเก่าพะเยา

ประวัติ

การวิจัยเรื่อง เวียงน้ำเต้า: การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่เมืองเก่าพะเยา เกิดจากการสกัดคุณค่าของทุนวัฒนธรรมในเมืองเก่าเวียงน้ำเต้า ทั้งที่เป็นทุนวัฒนธรรมที่จับต้องได้ และทุนวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน 5 ด้าน คือประวัติศาสตร์เมืองพะเยาและประวัติศาสตร์ชุมชน ภูมิสถาปัตยกรรม วิถีชีวิตและกลุ่มชาติพันธุ์ไทยวนและไทใหญ่ (เงี้ยว) สถาปัตยกรรมและศิลปกรรม และพุทธศิลป์หินทรายสกุลช่างพะเยา ซึ่งเป็นทุนวัฒนธรรมที่มีคุณค่าและมีพลังในทางประวัติศาสตร์ โดยได้นำทุนวัฒนธรรมอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่มาออกแบบและพัฒนาเป็นพื้นที่การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ซึ่งถือเป็นอัตลักษณ์ของชุมชนที่ได้มีการสืบทอดต่อกันมา

งานวิจัยเรื่อง “เวียงน้ำเต้า: การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่เมืองเก่าพะเยา” มีวัตถุประสงค์

  1. เพื่อศึกษาทุนทางวัฒนธรรมและการพัฒนาพื้นที่เมืองเก่าพะเยา
  2. เพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่เมืองเก่าพะเยา
  3. เพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่เมืองเก่าพะเยา

ผลการวิจัย พบว่า

  1. ทุนวัฒนธรรมชุมชนมีทั้งทุนวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของคนในชุมชน และประเพณีทางพุทธศาสนา รวมทั้งความเชื่อเรื่องผีบรรพบุรุษของชุมชน ส่วนทุนวัฒนธรรมที่จับต้องได้ ได้แก่ แนวคันดินที่เป็นกำแพงเมือง-คูเมือง โบราณสถาน พระพุทธรูป ศิลาจารึกหินทรายสกุลช่างพะเยา ในการพัฒนาพื้นที่เมืองเก่าเวียงน้ำเต้า ได้มีการจัดทำแผนแม่บทและยุทธศาสตร์ในการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่าพะเยา
  2. การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่เมืองเก่าพะเยา มีกระบวนการ 7 ขั้นตอนดังนี้  ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลประวัติศาสตร์ และทุน
    วัฒนธรรมชุมชน ขั้นตอนที่ 2 สำรวจสภาพพื้นที่เวียงน้ำเต้า โดยจัดกิจกรรมยุวประวัติศาสตร์ท้องถิ่นมีนักเรียน นักศึกษาเข้าร่วมสำรวจสภาพพื้นที่ นำเสนอปัญหาและภาพที่อยากเห็นขั้นตอนที่ 3 วิเคราะห์ศักยภาพของทุนวัฒนธรรมพื้นที่เวียงน้ำเต้าและชุมชนวัดลี-วัดศรีจอมเรือง ที่สามารถพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ ขั้นตอนที่ 4 คืนข้อมูลนำเสนอแนวคิดและรูปแบบพื้นที่เรียนรู้เชิงสร้างสรรค์โดยการคืนข้อมูลงานวิจัย และนำเสนอแนวคิดและรูปแบบพื้นที่เรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ในพื้นที่เมืองเก่าเวียงน้ำเต้าโดยเน้นศักยภาพของทุนวัฒนธรรมด้านอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่ ขั้นตอนที่ 5 การออกแบบพื้นที่เรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ในพื้นที่เมืองเก่าเวียงน้ำเต้า เน้นการสร้างให้มีบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ด้านกายภาพ ด้านจิตวิทยาและด้านสังคม ขั้นตอนที่ 6 กิจกรรมเปิดพื้นที่เรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ทุนวัฒนธรรมชาติพันธุ์ไทใหญ่ในชุมชนเมืองเก่าพะเยา เพื่อนำเสนอต้นแบบการพัฒนาพื้นที่เรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ในรูปแบบนิทรรศการทุนวัฒนธรรมชาติพันธุ์ไทใหญ่ในชุมชนเวียงเก่าพะเยา และส่งเสริมชุมชนให้เป็นพื้นที่เรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ ผ่านความหลากหลายของอาหาร ขั้นตอนที่ 7 ประเมินรูปแบบของพื้นที่เรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ในเมืองเก่าเวียงน้ำเต้า มีการสำรวจความคิดเห็นโดยใช้แบบสอบถามและการสังเกตเพิ่มเติม พบว่า ผู้เข้าร่วมให้ความสนใจข้อมูลด้านวิถีชีวิตและชาติพันธุ์ไทใหญ่ การชิมอาหารชาติพันธุ์ไทใหญ่ สื่อวีดีโอที่ฉายในงาน และการจัดสถานที่จัดงานในระดับมากที่สุด
  3. แนวทางการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่เมืองเก่าพะเยา ได้แก่ 1) การสร้างพื้นที่การเรียนรู้ทุนวัฒนธรรมชุมชน 2) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ทุนวัฒนธรรมชุมชน 3) การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชุมชนด้วยทุนวัฒนธรรมชุมชน และ 4) การพัฒนากลไกการบริหารจัดการทุนวัฒนธรรมชุมชนโดยการมีส่วนร่วม

องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย

การดำเนินการวิจัยเรื่องนี้ได้มีการสร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยภาคชุมชน ภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม รวมทั้งการสื่อสารสาธารณะผ่านสื่อนิทรรศการ การสาธิต และสื่อออนไลน์ โดยได้แสดงให้เห็นถึงองค์ความรู้ที่เกิดขึ้นจากการวิจัยในรูปแบบ 5ส หรือ E4L1 Model ดังนี้

  1. สานความร่วมมือ (Engagement) การพัฒนาเป็นพื้นที่การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์เป็นการสร้างให้เกิดความร่วมมือ ร่วมใจของทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดพื้นที่การเรียนรู้สาธารณะด้านทุนวัฒนธรรมของชุมชนที่มาจากการวิเคราะห์ปัญหา การมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น การมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน การมีส่วนร่วมในการรับผลประโยชน์ โดยเฉพาะชุมชนที่เป็นเจ้าของทุนวัฒนธรรม
  2. สร้างคุณค่าและความหมาย (Enrichment) การพัฒนาเป็นพื้นที่การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์เป็นการสร้างให้เกิดคุณค่าของทุนวัฒนธรรมชุมชนที่มีคุณค่าและความหมายทางประวัติศาสตร์ที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน ให้มีการสืบสานมาจนถึงปัจจุบัน โดยคุณค่าและความหมายนั้น ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเพื่อตอบสนองต่อสังคมปัจจุบันมากขึ้น แต่ทุนวัฒนธรรมอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่ยังคงมีคุณค่าและความหมายต่อคนในชุมชน โดยเฉพาะในด้านการสร้างรายได้ให้แก่คนในครอบครัว
  3. เสริมศักยภาพ (Enhancement) การพัฒนาเป็นพื้นที่การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์เป็นการสร้างให้เกิดการพัฒนาพื้นที่และยกระดับของคนในชุมชนให้มีศักยภาพในการแสดงความคิดเห็นการแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในองค์ความรู้ที่มีอยู่ในทุนวัฒนธรรมอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่
  4. เสริมพลัง (Empowerment) การพัฒนาเป็นพื้นที่การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์เป็นการสร้างให้เกิดการเกาะเกี่ยวทางสังคมระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู สืบทอดและสร้างสรรค์พื้นที่วัฒนธรรมบนฐานทุนวัฒนธรรมอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่
  5. สร้างสำนึกท้องถิ่น (Local Consciousness) การพัฒนาเป็นพื้นที่การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์เป็นการสร้างให้เกิดสำนึกท้องถิ่นบนฐานทุนวัฒนธรรมอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่ โดยมีผู้สืบทอดทางวัฒนธรรมและผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมด้านอาหารของกลุ่มชาติพันธุ์ไทใหญ่

อ่านเพิ่มเติมได้ที่>>>  หนังสือชุดความรู้เวียงน้ำเต้า

 

Scroll to Top
ห้องวิจัยพุทธศาสตร์อัจฉริยะ BRL: Buddhist Research LAB
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.