
การศึกษาองค์ความรู้ทางพระพุทธศาสนาที่ปรากฏในคัมภีร์ธรรม วัดสูงเม่น จังหวัดแพร่
- ผู้วิจัย : พระสุธีธรรมานุวัตร, พระมหาสุทิตย์ อาภากโร, ดร.เสนาะ ผดุงฉัตร
- สังกัด : คณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
- แหล่งทุน : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 2552
- ที่มา : พระสุธีธรรมานุวัตร, พระมหาสุทิตย์ อาภากโร และ ดร.เสนาะ ผดุงฉัตร. (2552). การศึกษาองค์ความรู้ทางพระพุทธศาสนาที่ปรากฏในคัมภีร์ธรรม วัดสูงเม่น จังหวัดแพร่ (รายงานการวิจัย). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
องค์ความรู้
งานวิจัยเรื่อง “การศึกษาองค์ความรู้ทางพระพุทธศาสนาที่ปรากฏในคัมภีร์ธรรม วัดสูงเม่น จังหวัดแพร่” มีวัตถุประสงค์ คือ
- เพื่อศึกษาประวัติ ความเป็นมาของการเก็บรวบรวมคัมภีร์ธรรมวัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่
- เพื่อศึกษาและปริวรรตคัมภีร์ธรรมทางพระพุทธศาสนาในวัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่
- เพื่อศึกษาวิเคราะห์องค์ความรู้ทางพระพุทธศาสนาที่ปรากฏในคัมภีร์ธรรมวัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่
ผลการวิจัย พบว่า
ประวัติความเป็นมาของการเก็บรวบรวมคัมภีร์ธรรมวัดสูงเม่น พบว่า เป็นวัดที่มีการเก็บรวบรวมคัมภีร์ธรรมใบลานภาษาล้านนามากที่สุด โดยมีคัมภีร์ธรรมมากกว่า 8,845 ผูก นับเป็นใบลานได้มากกว่า 84,500 ใบลาน โดยคัมภีร์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในวัดสูงเม่น คือ “คัมภีร์อัตถกถาอุปริปัณณาส” ซึ่งรจนาขึ้นในปีจุลศักราช 912 (พ.ศ. 2093) หรือมีอายุ 458 ปี สำหรับการเก็บรวบรวมคัมภีร์ธรรมดังกล่าวมีสืบเนื่องมาตั้งแต่มีการสร้างวัดสูงเม่นเมื่อเกือบ 300 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยครูบากัญจนอรัญญวาสี (พ.ศ. 2332 – 2412) ที่ท่านได้เก็บรวบรวมคัมภีร์ธรรมจากวัดและสถานที่ต่างๆ เช่น เชียงใหม่ ลำพูน แพร่ น่าน หลวงพระบาง พม่า เป็นต้น โดยมีกระบวนการในการเก็บรวมรวมคัมภีร์ที่เป็นเอกลักษณ์ คือ การใช้ “ประเพณีตากธรรม” และความเชื่อท้องถิ่นในการรักษาคัมภีร์ต่าง ๆ เอาไว้ตั้งแต่การเก็บรักษาในระดับคัมภีร์ ตู้พระธรรม ระดับหอไตร และระดับความเชื่อคือการสร้างและถวายคัมภีร์ธรรมเป็นทาน
ส่วนปริวรรตและวิเคราะห์องค์ความรู้ที่ปรากฏในคัมภีร์ธรรม เรื่อง คัมภีร์คุยหัตถทีปนีมหาคัณฐี และมูลกัมมัฏฐานภวิรตินั้น พบว่า พระอาจารย์ผู้รจนาคัมภีร์คุยหัตถทีปนีมหาคัณฐี มีความรู้ได้ภาษาบาลีในระดับดี จึงสามารถรจนาคัมภีร์ดังกล่าวได้ ถึงแม้ว่าลักษณะและโครงสร้างของภาษาที่ปรากฏนั้นจะไม่มีความสละสลวยหรือมีแบบแผนการแต่งเท่ากับวรรณกรรมภาษาบาลีในยุคทองของวรรณกรรมล้านนา (พ.ศ.1985-2068) อย่างไรก็ตามก็พบว่า พระอาจารย์ผู้รจนานำความรู้จากพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกามาอธิบายได้เป็นอย่างดี
องค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัย
1) ความรู้ด้านพุทธประวัติและการสังคายนาในพระพุทธศาสนา
2) องค์ความรู้ด้านหลักธรรมที่สำคัญ เช่น ปฏิจจสมุปบาท อริสัจ 4 เป็นต้น
3) องค์ความรู้ด้านอภิธรรมว่าด้วยปฏิสนธิจิต จุติจิต วิถีจิต ปัฏฐาน
4) องค์ความรู้ด้านหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนา เช่น กุศล อกุศล กรรม วิบาก โลกิยฌาน โลกุตตรฌาน รูปภพ อรูปภพ ธาตุ 4 ขันธ์ 5 ไตรลักษณ์ อายตนะภายใน ภายนอก
5) องค์ความรู้ด้านสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาตามพุทธประวัติ เช่น สถานที่พระพุทธเจ้าประทับ สระมุจลินทร์ และพิธีกรรมที่เกี่ยวข้อง
6) องค์ความรู้ด้านคำศัพท์ทางพระพุทธศาสนา เช่น “สมันตจักษุ” และศัพท์ที่ปรากฏในธัมมจักกัปปวัตนสูตร อนัตตลักขณสูตร โดยเป็นการอธิบายศัพท์ยาก ให้เข้าใจโดยง่าย
7) องค์ความรู้ด้านการบรรพชา-อุปสมบท ที่ให้รายละเอียดเรื่องพิธีกรรม การให้ปัญจกกัมมัฏฐาน การใช้คำที่ถูกต้อง และหน้าที่ของพระอุปัชฌาย์ เป็นต้น
8) องค์ความรู้ด้านการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้าและเหล่าพระอริยสาวก การเจริญสมถะและวิปัสสนากัมมัฏฐาน เป็นต้น
องค์ความรู้ที่ปรากฏในคัมภีร์ธรรมวัดสูงเม่นนั้น เป็นทั้งองค์ความรู้ที่เป็นพุทธแท้ ได้แก่ องค์ความรู้ที่เป็นไปตามแนวคิด หลักการทางพระพุทธศาสนา และองค์ความรู้/ภูมิปัญญาที่ผสมผสานกับความรู้ท้องถิ่น ได้แก่ การอธิบายความรู้ที่ผสมผสานองค์ความรู้ในทางพระพุทธศาสนาและความเชื่อในท้องถิ่นเข้าด้วยกัน โดยมีการอ้างอิงถึงความเชื่อในทางพระพุทธศาสนาและความเชื่อในท้องถิ่นว่า เป็นของโบราณาจารย์ องค์ความรู้เหล่านี้ จึงปรากฏในลักษณะของความรู้ในด้านต่างๆ เช่น ประเพณี พิธีกรรม ความเชื่อของท้องถิ่น
จากการศึกษาวิเคราะห์ดังกล่าว จะเห็นได้ว่า เฉพาะคัมภีร์ธรรมวัดสูงเม่น อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ เพียงวัดเดียวมีองค์ความรู้ทางด้านพระพุทธศาสนาอย่างมากมาย เป็นทั้งองค์ความรู้ที่มีความสอดคล้องกับหลักการของพระพุทธศาสนาเถรวาท และองค์ความรู้ที่ผสมผสานกับความเชื่อท้องถิ่นล้านนา เป็นแหล่งรวมคติธรรม ความเชื่อ วิถีการปฏิบัติและมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น ถึงแม้ว่ากาลเวลาและบริบททางสังคมจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่องค์ความรู้ที่จารึกไว้ในคัมภีร์สามารถตอบเรื่องราวที่เป็นมาในอดีตและหลักการสำคัญที่ควรนำมาประพฤติปฏิบัติตามพระพุทธศาสนาต่อไป