การอนุรักษ์และสืบสานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน กรณีศึกษาประเพณีฟังธรรมขอฝน จังหวัดเชียงราย
- ประเภท : ชุมชนต้นแบบ
- ผู้วิจัย : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สหัทยา วิเศษ และคณะ
- ที่อยู่ : ชุมชนห้วยไคร้ ตำบลเวียง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย
- สังกัด : วิทยาเขตพะเยา
- อีเมล : sahathaya.wis@mcu.ac.th
- แหล่งทุน : สกสว./กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ประวัติ
1. ประเพณีฟังธรรมขอฝนในฐานะที่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
1) ชุมชนห้วยไคร้ นับถือศาสนาพุทธ มีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับพระพุทธศาสนาอย่างยาวนาน คนในชุมชนพึ่งพาป่าต้นน้ำขุนห้วยไคร้ในการดำรงชีวิต ในอดีตคนในชุมชนมีความสัมพันธ์กับทรัพยากรดิน น้ำ ป่า แบบไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ชุมชนต้องพึ่งพาอาศัยป่า ด้วยเป็นแหล่งปัจจัยพื้นฐานสี่ประการที่สำคัญในการดำรงชีวิต ป่าเป็นแหล่งอาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัย ป่าเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารในการบริโภค อุปโภค และการเกษตร ป่ายังเป็นแหล่งของผลผลิตที่สามารถสร้างรายได้เสริม เช่น หน่อไม้ เห็ด น้ำผึ้ง เป็นต้น สร้างมูลค่าแตกต่างกันตามฤดูกาล และป่าต้นน้ำยังเป็นแหล่งที่มาของความเชื่อและประเพณีในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ชุมชนห้วยไคร้มีวัฒนธรรมและวิถีปฏิบัติในการจัดการดูแลป่า เช่น ความเชื่อเรื่องผีที่ดูแลป่า รักษาต้นน้ำ ป่าชุมชน กำหนดแบบแผนการใช้ทรัพยากรจากป่า กุศโลบายในการรักษาความสมบูรณ์ของป่าผ่านพิธีกรรมตามลักษณะภูมินิเวศ และวัฒนธรรมมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ชุมชนสามารถดำรงอยู่ได้ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นที่มาของปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต
2) ประเพณีฟังธรรมขอฝน ชุมชนห้วยไคร้ ตำบลเวียง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เป็นประเพณีท้องถิ่นที่ชุมชนห้วยไคร้ได้มีการจัดกิจกรรมสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ชุมชนได้ร่วมกันจัดขึ้นทุกปี ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 9 เหนือ โดยพระสงฆ์จะสวดมนต์เพื่อขอฝนให้ตกลงมาก่อนถึงฤดูกาลทำนา ซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของประเพณีทางพระพุทธศาสนาในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการประกอบพิธีกรรม จะมีการสวดพระปริตร คาถาขอฝนและคาถามหาเมฆ ตามด้วยการแสดงพระธรรมเทศนาเรื่อง “พญาปลาช่อน” หรือ “มัจฉาพญาปลาช่อน” พระธรรมเทศนาดังกล่าวเป็นคัมภีร์ประเภทชาดก เนื้อเรื่องผูกขึ้นโดยมีพญาปลาช่อนเป็นตัวละครเอกบำเพ็ญสังคหวัตถุธรรมจนสามารถช่วยเหลือบริวารให้รอดพ้นจากภัยแล้งได้สำเร็จ
3) บทบาท คุณค่า ศักยภาพ และความหมายเชิงสัญลักษณ์ของประเพณีฟังธรรมขอฝนในฐานะที่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ประเพณีขอฝนเป็นพิธีกรรมการสร้างขวัญกำลังใจให้ชุมชนก่อนฤดูเพาะปลูก ให้กำลังใจให้คนในชุมชน แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และสิ่งเหนือธรรมชาติที่ แสดงออกมาในรูปแบบของพิธีกรรมในประเพณี เช่น การฟังธรรมปลาช่อน การแห่บันไดแม่หม้าย ตีกลองดิน การจุดบั้งไฟ การเซ่นไหว้ผีบ้าน ผีขุนน้ำ ประเพณีฟังธรรมขอฝนได้ทำให้คนในชุมชนเกิดความตระหนัก และเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ป่า ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำ แหล่งอาหาร ไม้ใช้สอย สมุนไพรจากป่า ที่คนในชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากป่ามาตั้งแต่บรรพบุรุษ สืบมาจนถึงปัจจุบัน ประเพณีขอฝนจึงเป็นพิธีกรรมท้องถิ่นที่สร้างขวัญกำลังใจให้คนในชุมชน แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และสิ่งเหนือธรรมชาติที่แสดงออกมาในรูปแบบของพิธีกรรม เพื่อแสดงความเคารพและกตัญญูต่อสิ่งเหนือธรรมชาติที่บันดาลให้ฝนตกลงมา ส่วนความหมายเชิงสัญลักษณ์ของเนื้อหา คือ ธรรมเทศนาพญาปลาช่อน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา และการเลี้ยงผีขุนห้วย ซึ่งเป็นความเชื่อเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติในพิธีกรรมเลี้ยงผีขุนห้วยไคร้ และความหมายเชิงสัญลักษณ์ของเครื่องประกอบพิธีกรรม ได้แก่ ปลาช่อนไม้ โดยการนำไม้เนื้ออ่อนหรือเปลือกไม้ที่อยู่ในบริเวณพิธีกรรมนำมาถากเหลาเป็นรูปปลาช่อน การนำเนื้อสัตว์ดิบๆ มาเลี้ยงผีเจ้าป่าเจ้าเขาในพิธีกรรมเลี้ยงผีขุนห้วยไคร้
2. กระบวนการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝนในฐานะที่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม มีการดำเนินงาน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ประชุมชี้แจงแกนนำชุมชน และสำรวจบริบทชุมชนห้วยไคร้ โดยประชุมชี้แจงการดำเนินงานโครงการแก่แกนนำชุมชน พระสงฆ์ และผู้อาวุโสในชุมชน ได้ลงพื้นที่สำรวจชุมชน เพื่อให้เห็นสภาพพื้นที่โดยรวม วิถีชีวิต การประกอบอาชีพ สถานที่สำคัญ และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น รวมทั้งสำรวจสภาพพื้นที่รอบนอก ลักษณะทางกายภาพของชุมชน ทรัพยากรธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของชุมชนห้วยไคร้
ขั้นตอนที่ 2 เข้าร่วมในประเพณีฟังธรรมขอฝน และเลี้ยงผีขุนน้ำห้วยไคร้ โดยเข้าร่วมและสังเกตการณ์ประเพณีฟังธรรมขอฝนและการเลี้ยงผีขุนห้วยไคร้ ของชุมชนห้วยไคร้ในปี 2566 ในวันที่ 10 มิถุนายน โดยประเพณีฟังธรรมขอฝนจัดขึ้นบริเวณริมอ่างเก็บน้ำห้วยไคร้ ส่วนการเลี้ยงผีขุนห้วยไคร้ จัดบริเวณป่าต้นน้ำขุนห้วยไคร้ ในการดำเนินกิจกรรมทั้งสองประเพณีจะมีความแตกต่างกัน โดยการเลี้ยงผีขุนห้วยไคร้เป็นพิธีกรรมที่แสดงความเคารพนับถือต่อสิ่งเหนือธรรมชาติคือ ผีที่ดูแลรักษาป่าต้นน้ำให้ฝนตกตามฤดูกาล ส่วนประเพณีฟังธรรมขอฝนเป็นประเพณีทางพุทธศาสนาโดยพระสงฆ์จะสวดมนต์เพื่อขอฝนให้ตกลงมาก่อนถึงฤดูกาลทำนา มีการแสดงพระธรรมเทศนาเรื่อง “พญาปลาช่อน” หรือ “มัจฉาพญาปลาช่อน”
ขั้นตอนที่ 3 เวทีชุมชนเพื่อกำหนดแผนงานกิจกรรมการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝน เพื่อระดมแนวทางการทำกิจกรรมการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝนในฐานะที่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม โดยนำเสนอตัวอย่างของรูปแบบของการทำกิจกรรมการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีทางพระพุทธศาสนา รวมทั้งนำเสนอแนวทางการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝนใน 3 รูปแบบ คือ การพัฒนาศูนย์เรียนรู้อนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝน การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นในการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝน และการพัฒนาธรรมนูญชุมชนในการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝนในฐานะที่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
ขั้นตอนที่ 4 ปฏิบัติการจัดทำกิจกรรมอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝนในฐานะที่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน วัด โรงเรียน สภาวัฒนธรรม ท้องที่และท้องถิ่น ประกอบด้วย 1) พัฒนาศูนย์เรียนรู้อนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝน ในวัดห้วยไคร้ และพื้นที่การเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ในโรงเรียนบ้านห้วยไคร้ 2) พัฒนาแผนการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้ในการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝน ๓ รายวิชาเพื่อใช้จัดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนบ้านห้วยไคร้ และ3) พัฒนาธรรมนูญชุมชนในการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝน โดยการลงนามจากผู้นำชุมชน และประกาศใช้ในชุมชนห้วยไคร้ ทั้ง 7 หมู่บ้าน
ขั้นตอนที่ 5 การสื่อสารสาธารณะ โดยพัฒนาสื่อและช่องทางการเผยแพร่องค์ความรู้และแหล่งเรียนรู้ในการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝนผ่านศูนย์เรียนรู้ที่วัดห้วยไคร้ โรงเรียนบ้านห้วยไคร้ และชุดนิทรรศการ สื่อสารสาธารณะผ่านสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์โดยจัดทำวิดีทัศน์ และนำเสนอข่าวผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ สื่อสังคมออนไลน์ และจัดพิมพ์หนังสือ
ขั้นตอนที่ 6 ถอดบทเรียนการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝนในฐานะที่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยประชุมแกนนำชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อถอดบทเรียนการดำเนินงาน และนำเสนอแนวทางการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝนในฐานะที่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
3. แนวทางการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝนในฐานะที่เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม โดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
1) การเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคีที่เกี่ยวข้อง เป็นรูปแบบของการดำเนินงานการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝนโดยการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนเป็นหลักที่มีส่วนร่วมในทุกระดับกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่านการประชุมพูดคุย และทำกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง 2 ลักษณะคือ การมีส่วนร่วมในกระบวนการอนุรักษ์และสืบสานโดยการประชุมวางแผน การคิดรูปแบบกิจกรรม การตัดสินใจ การลงมือปฏิบัติ การติดตามและประเมินผล รวมทั้งการร่วมรับผลประโยชน์จากกิจกรรมที่ดำเนินงานอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม และการมีส่วนร่วมในรูปแบบของการเข้ามาเป็นคณะกรรมการ การเป็นสมาชิก การมีส่วนร่วมในการระดมความคิด งบประมาณ แรงงาน และวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการดำเนินงานการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝน เป็นต้น
2) การจัดการกระบวนการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ให้แก่คนในชุมชน เด็กเยาวชน รวมทั้งผู้ที่สนใจจากภายนอกชุมชนเข้ามาศึกษาเรียนรู้ ในรูปแบบกิจกรรมต่างๆ ที่มีความหลากหลายทั้งในชุมชน ในวัด ในโรงเรียน ด้วยวิธีการจัดการแบบบูรณาการร่วมกันระหว่างชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคม 3 ลักษณะ คือ (1) การจัดกระบวนการเรียนรู้ในบริเวณศูนย์เรียนรู้ประเพณีฟังธรรมขอฝน ภายในวัดห้วยไคร้ และโรงเรียนห้วยไคร้ซึ่งมีสื่อและพื้นที่เรียนรู้ประเพณีฟังธรรมขอฝน โดยมีปราชญ์ชาวบ้านมาเล่าเรื่อง (2) การฟื้นฟูหรือปรับประยุกต์รายละเอียดของกิจกรรมประเพณีฟังธรรมขอฝนที่เคยทำในอดีตให้กลับคืนมา รวมทั้งการฟื้นฟูการทำเครื่องประกอบพิธีกรรมแบบดั้งเดิม และ (3) การจัดกระบวนการเรียนรู้ในระหว่างหรือหลังการจัดประเพณีฟังธรรมขอฝนประจำปี หรือหลังจากเสร็จสิ้นการจัดประเพณีซึ่งเป็นการต่อยอด ขยายผลหรือยกระดับการจัดประเพณีฟังธรรมขอฝนที่เคยทำมา
3) การพัฒนากลไกและเครือข่ายด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น ถือเป็นการสร้างให้เกิดกลไกเชิงสถาบันและกลไกเชิงนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดแผนงานและกิจกรรมการอนุรักษ์และสืบสานประเพณีฟังธรรมขอฝน และประเพณีวัฒนธรรมอื่นๆ ของท้องถิ่น การสร้างให้เกิดเครือข่ายด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล ระดับอำเภอ ระดับจังหวัดจนถึงระดับประเทศ โดยอาจเป็นเครือข่ายการเรียนรู้ และเครือข่ายกิจกรรม