
หมู่บ้านรักษาศีล 5 ต้นแบบในจังหวัดปทุมธานี
- ผู้วิจัย : พระธรรมรัตนาภรณ์, ดร.
- สังกัด : คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
- แหล่งทุน : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย 2567
- ที่มา : พระธรรมรัตนาภรณ์. (2567). การดำเนินการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ต้นแบบในจังหวัดปทุมธานี (รายงานการวิจัย). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
องค์ความรู้
งานวิจัยเรื่อง “การดำเนินการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ต้นแบบในจังหวัดปทุมธานี” มีวัตถุประสงค์ คือ
- เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา อุปสรรค การดำเนินการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ต้นแบบในจังหวัดปทุมธานี
- เพื่อศึกษาองค์ประกอบของกระบวนการดำเนินการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ต้นแบบในจังหวัดปทุมธานี
- เพื่อพัฒนารูปแบบการดำเนินการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ต้นแบบในจังหวัดปทุมธานี
องค์ความรู้จากงานวิจัย
จากแผนภาพ อธิบายได้ว่า การดำเนินการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ต้นแบบในจังหวัดปทุมธานี มีจุดเด่นหรือจุดแข็ง คือ มีเจ้าคณะผู้ปกครองที่มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการ มีภาคีเครือข่ายที่ร่วมสนับสนุนพัฒนาโครงการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
กระบวนการบริหารจัดการโครงการ ประกอบด้วย
- การวางแผน : มีการแต่งตั้งคณะกรรมการ ประกอบด้วย ตัวแทนวัด ชุมชน และองค์กรภาครัฐ มีการกำหนดนโยบายและประกาศให้วัด ชุมชนและองค์กรที่เข้าร่วมรับทราบ
- การปฏิบัติ : มีการบูรณาการความร่วมมือจากคณะสงฆ์ ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ภาคเอกชน ประชาชนและองค์กรเครือข่ายความร่วมมือทางพระพุทธศาสนาในทุกภาคส่วนในรูปของคณะกรรมการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ระดับ จังหวัด อำเภอ ตำบลและหมู่บ้าน เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน สร้างสังคมประเทศชาติให้มีความปรองดอง สมานฉันท์ ลดปัญหาความขัดแย้ง สร้างความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้สังคมสงบ ร่มเย็น และเกิดสันติสุขอย่างยั่งยืน โดยใช้กลไกทางพระพุทธศาสนา โดยได้ดำเนินงานตามแผนทั้ง 3 ระยะ และมีขั้นตอนการดำเนินงานคือ 1) แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน 2)การขับเคลื่อนดำเนินงาน 3) การประเมินผลและรายงานผล
- การตรวจสอบ มีการรายงานสรุปผลการดำเนินโครงการ มีการสัมภาษณ์ประชาชนในพื้นที่ถึงปัญหาและอุปสรรค และข้อเสนอแนะในการดำเนินโครงการ
- การปรับปรุง มีการนำผลการดำเนินงานในภาพรวมมาดำเนินการตามข้อเสนอแนะ มีการประชุมคณะกรรมการดำเนินโครงการเพื่อสร้างแนวทางการพัฒนาโครงการ เปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนในสังคมเข้ามามีส่วนร่วม และเน้นประชาชน หมู่บ้าน วัด โรงเรียน เป็นศูนย์กลางในการพัฒนา
การดำเนินการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ต้นแบบในจังหวัดปทุมธานี เกิดการพัฒนารูปแบบได้ด้วยนำหลักการดำเนินงานคณะสงฆ์ 6 ด้าน มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ดังนี้
- ด้านการปกครอง ทำให้เกิดการสร้างความมั่นคงด้านพระพุทธศาสนา ด้วยการปลูกฝังศรัทธาในพระพุทธศาสนาผ่านกิจกรรมต่าง ๆ และยกระดับกระบวนการบริหารจัดการภายใน โดยอาศัยความร่วมมือภาคีเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อให้เกิดสัมฤทธิผล
- การศาสนศึกษา ทำให้เกิดการพัฒนาการบริหารจัดการในการศึกษาบาลี นักธรรมศึกษาบูรณาการอย่างเป็นระบบ และให้มีคณะกรรมการการศึกษาพระพุทธศาสนาในระดับจังหวัดเพื่อบูรณาการการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับพระภิกษุสามเณรและประชาชนทั่วไป
- การศึกษาสงเคราะห์ ทำให้เกิดการจัดการศึกษาให้แก่พุทธศาสนิกชนที่เน้นการปลูกฝังศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรมให้แก่เด็กและเยาวชนให้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน - การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทำให้การประกาศพระพุทธศาสนาหรือการประชาสัมพันธ์โครงการให้ประชาชนให้รับรู้รับทราบในทุกๆ วิธีการที่ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัยเพื่อให้พุทธศาสนิกชนมีความรู้ ความเข้าใจในหลักธรรมแล้วนำไปประยุกต์ใช่ในชีวิตประจำวัน ได้แก่ การเทศนา การปาฐกถาในโอกาส และสถานที่ต่าง ๆ ทั้งภายในวัดและภายนอกวัด การบรรยายธรรมทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์ การเผยแผ่ธรรมด้วยสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือ หนังสือพิมพ์ หรือวีดีทัศน์ Website Facebook Line ภารกิจด้านนี้ครอบคลุมถึงการที่วัดหรือภิกษุสงฆ์จัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นภายในวัดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเผยแผ่ธรรมหรือต้องการให้ประชาชนได้เข้าวัดปฏิบัติธรรมนอกจากนี้ยังมีการเผยแผ่ธรรมที่คณะสงฆ์ร่วมกับกรมการศาสนาจัดให้ดำเนินการในรูปแบบหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล (อ.ป.ต.) เป็นต้น
- การสาธารณูปการ ทำให้เกิดการเกี่ยวกับการพัฒนาวัดด้านอาคาร สถานที่และสิ่งแวดล้อม การบูรณปฏิสังขรณ์ในเขตพุทธาวาส และเขตสังฆาวาส
- การสาธารณสงเคราะห์ ทำให้เกิดการให้ความช่วยเหลือสังคมในรูปแบบต่าง ๆ ที่ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัยมุ่งเน้นประโยชน์ และความสุขที่จะเกิดแก่ประชาชนเป็นสำคัญ ได้แก่ การให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยทางธรรมชาติทั้งในด้านของเครื่องนุ่งห่ม เครื่องดื่ม ยารักษาโรค ที่พักพิง จัดตั้งให้มีโรงทาน จัดสร้างโรงพยาบาลโดยการบริจาคทรัพย์ส่วนตัว หรือชักชวนพุทธศาสนิกชนร่วมกันบริจาคทรัพย์ หรือการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ เป็นต้น
องค์ความรู้ที่ได้สังเคราะห์จากการวิจัย
“การดำเนินการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 ต้นแบบในจังหวัดปทุมธานี” ประกอบด้วยหลักการสำคัญ ได้แก่
- ร่วมกันสืบสาน คือ การเข้าใจและปฏิบัติตามหลักของศีล 5 เป็นบทบัญญัติพื้นฐานของพระพุทธศาสนา เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความดีงามต่อบุคคลและสังคม ศีล 5 คือ “บทบัญญัติพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคม” การล่วงละเมิดศีล ก็คือ การละเมิดต่อหลักการอยู่ร่วมกันของสังคม เพราะเป็นการเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นให้เดือดร้อน การอยู่ร่วมกันในสังคมจึงต้องมีหลักการพื้นฐาน ของการอยู่ร่วมกัน ศีลเป็น “หลักประกันของชีวิต” ผู้ที่รักษาศีลย่อมมีหลักประกันความมั่นคงของชีวิต เมื่อเรา ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นให้เดือดร้อน ไม่มีการเบียดเบียน ไม่ฆ่า ไม่ทำร้าย ไม่ลักขโมย ย่อมจะได้ชื่อว่า รักษาชีวิต ทรัพย์สิน ครอบครัว ความมีสัจจะ มิตรภาพ และสติปัญญาของตนเอง นอกจากนี้ ศีล 5 ยังเป็น “หลักมนุษยธรรม” บุคคลผู้ที่รักษาศีลย่อมจะทำ ให้ความเป็นมนุษย์มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เนื่องจากการมี “เจตนา” ความตั้งใจที่จะงดเว้นจากการประพฤติที่ไม่ดีงามทั้งหลาย เช่น กายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริต และเป็นเจตนาแห่งความสำรวมระวังเพื่อปิดกั้นหนทางความชั่วร้ายที่เกิดจากการเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ดังนั้น กิจกรรมการส่งเสริมโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 จึงประกอบด้วยหลักศีลธรรม เพื่อเสริมสร้างการอยู่ร่วมกันของ คนในสังคมและการส่งเสริมวิถีวัฒนธรรมเชิงพุทธเพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี
- ร่วมกันรักษา คือ การผสานความร่วมมือกันของภาคีเครือข่ายในการดำเนินโครงการมีทั้งพระสงฆ์ ประชาชน หน่วยงานราชการ และองค์กรอื่น ๆ ที่ได้มาร่วมมือกันในการจัดกิจกรรม
ส่งเสริมการพัฒนาชีวิตตามหลักศีล 5 เพื่อสร้างหลักประกันให้บังเกิดความสงบสุขและปลอดภัยในการดำเนินชีวิตยิ่งขึ้นนั้น หากทุกภาคส่วนได้มีการร่วมทำกิจกรรมและมีส่วนร่วมด้วยกันก็ยิ่งทำให้การพัฒนาชีวิตตามหลักศีล 5 ประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น - ร่วมกันต่อยอด คือ การนำแผนงานต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติให้ได้ เข้าถึงพื้นที่และออกไปสัมผัสถึงกับสิ่งที่คนในพื้นที่ต้องการจริง ๆ เข้าถึงความจริง ส่งเสริมการจัดกิจกรรมให้มีความยั่งยืนโดยมีวัดเป็นศูนย์กลางในการดําเนินงานบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมดําเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ชุมชนมีการร่วมการแสดงความคิดเห็น ร่วมกันวางแผน นําไปสู่การปฏิบัติและติดตามผล
- ร่วมกันถ่ายทอด คือ การที่พระสงฆ์เป็นผู้นำในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยใช้วัดเป็นศูนย์กลาง ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชน ตามกรอบการดำเนินงานของคณะสงฆ์และของ
หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล (อ.ป.ต.) ที่กำหนดไว้ 8 ด้าน คือ 1) ศีลธรรมและวัฒนธรรม 2) สุขภาพอนามัย 3) สัมมาชีพ 4) สันติสุข 5) ศึกษาสงเคราะห์ 6) สาธารณสงเคราะห์ 7) กตัญญูกตเวทิตาธรรม 8) สามัคคีธรรม และการนำ 7 กิจวัตรความดี มาสร้างเสริมเข้าไปในการดำเนินชีวิตของประชาชน อันได้แก่ 1) รักษาศีล 5 กล่าวคือ การสำรวมกาย และวาจา ของเราให้ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น 2) สวดมนต์ นั่งสมาธิ กล่าวคือ การฝึกใจให้หยุดนิ่งเป็น ซึ่งจะทำให้ใจเราสะอาดและเข้มแข็ง พบความสุขภายใน จนไม่อยากคิดร้ายทำลายใคร กำลังใจในการทำความดีก็มีมากขึ้น 3) สะอาด และระเบียบ กล่าวคือ การมีความรับผิดชอบ ทำความสะอาด จัดระเบียบสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รวบตัวให้ดี 4) คิดดี…จับดีคนรอบข้าง กล่าวคือ การฝึกสังเกตให้เห็นความดีของผู้อื่น ทำให้จิตใจชุ่มเย็น ไม่อารมณ์เสียง่าย อีกทั้งยังได้ต้นแบบความดีของผู้อื่นกลับมาพัฒนาตนเอง 5) พูดดี…มีวาจาสุภาษิต กล่าวคือ การสื่อสารด้วยท่าทางและคำพูดที่สุภาพ ไม่หยาบคาย ไม่เหยียดหยามดูแคลนจะทำให้สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้ 6) ทำดี…ออมบุญ บำเพ็ญประโยชน์ กล่าวคือ การเอื้อเฟื้อแบ่งปัน ช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความสุข เป็นหนทางลัดที่จะทำให้ตัวเราเองมีความสุขไปด้วย เมื่อฝึกฝนทำเป็นประจำ ก็จะทำให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เป็นสังคมที่น่าอยู่ และ 7) ร่วมกิจกรรมชั่วโมงสุขหนอ กล่าวคือ การได้อยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ทำกิจวัตรความดีแบบเดียวกัน แล้วสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ได้มาทำกิจกรรมดี ๆ ร่วมกัน อาทิ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ชมสื่อดี ๆ สร้างแรงบันดาลใจ ตอกย้ำประโยชน์ของการทำความดี แลกเปลี่ยนข้อคิดที่ได้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำดีร่วมกัน จะเป็นการใช้พลังหมู่เพื่อเสริมพลังเดี่ยว ทำให้ตัวเราและเพื่อน ๆ ทุกคนมีกำลังใจทำความดีได้ต่อเนื่องและยั่งยืน
จำนวนครั้งในการเข้าชม : 23