
ธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม สัตตภัณฑ์ : การธำรงอัตลักษณ์ คุณค่าและการจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติโดยชุมชนในล้านนา
- ผู้วิจัย : พระนคร ปญฺญาวชิโร (ปรังฤทธิ์), ดร. และคณะ
- สังกัด : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม
- แหล่งทุน : สกสว. 2566
- ที่มา : พระนคร ปรังฤทธิ์ และคณะ. (2566). ธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม สัตตภัณฑ์ : การธำรงอัตลักษณ์ คุณค่าและการจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติโดยชุมชนในล้านนา (รายงานการวิจัย). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.
องค์ความรู้
งานวิจัยเรื่อง “ธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม สัตตภัณฑ์ : การธำรงอัตลักษณ์ คุณค่าและการจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติโดยชุมชนในล้านนา” มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสำคัญ คุณค่า ลวดลาย รูปแบบ และภูมิปัญญาเชิงช่างของธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม และสัตตภัณฑ์ในล้านนา พร้อมทั้งกลไกการธำรงอัตลักษณ์และการจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติโดยชุมชนล้านนา
ผลการวิจัย พบว่า
- ธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม และสัตตภัณฑ์ในล้านนา เป็นงานพุทธศิลป์ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากความศรัทธาและภูมิปัญญาเชิงช่างล้านนา มีความวิจิตรสวยงาม ถวายเป็นเครื่องสักการบูชาแด่พระพุทธเจ้าและพระธรรม เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติที่มีคุณค่าด้านจิตใจ ด้านศิลปะด้านองค์ความรู้ ด้านประวัติศาสตร์ ด้านประเพณีพิธีกรรม และด้านการสร้างรายได้ในชุมชน
- ลวดลาย รูปแบบ และภูมิปัญญาเชิงช่างของธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม และสัตตภัณฑ์ในล้านนา มีการประดับลวดลายกลุ่มพรรณพฤกษา กลุ่มคติความเชื่อจากวรรณกรรม กลุ่มเทวดา และ
กลุ่มสัตว์เป็นลวดลายหลักสำหรับตกแต่งชิ้นงานให้มีความโดดเด่นสวยงาม ซึ่งธรรมาสน์ในล้านนาส่วนใหญ่มีรูปแบบทรงปราสาทยอดสูงและทรงปราสาทหลังคาตัดไม่มียอด ส่วนตู้คัมภีร์ธรรมมี 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) แบบตู้คัมภีร์ธรรม 2) แบบหีบคัมภีร์ธรรม ประกอบด้วยหีบทรงลุ้ง ทรงสี่เหลี่ยม และทรงปราสาท ส่วนสัตตภัณฑ์มี 6 รูปแบบ ได้แก่ แบบสามเหลี่ยมแบบสี่เหลี่ยม แบบห้าเหลี่ยม แบบโค้งครึ่งวงกลม แบบบันไดแก้ว และแบบเสา ทั้งนี้งานพุทธศิลป์ทั้ง 3 ประเภทนี้ ตกแต่งด้วยเทคนิคงานปิดทองหรืองานลายคำ งานไม้แกะสลัก งานปั้น งานลงพื้นรักพื้นชาด และงานประดับกระจก เป็นภูมิปัญญาเชิงช่างที่นิยมในการประดับตกแต่งให้วิจิตรสวยงาม - กลไกการธำรงอัตลักษณ์และการจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ“ธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม และสัตตภัณฑ์” ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของวัด ชุมชน หน่วยงานด้านวัฒนธรรม และสถาบันการศึกษา โดยต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยกลไก 4 ระดับ ได้แก่ 1. การจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม 2. การจัดการคน 3. การจัดการพื้นที่เรียนรู้ 4. การจัดการเครือข่าย แนวทางดังกล่าวนี้เป็นกระบวนการจัดการที่มีความเหมาะสมสามารถใช้เป็นแนวทางในการ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ประเภทงานช่างฝีมือดั้งเดิม เพื่อธำรงไว้ให้เป็นอัตลักษณ์ล้านนาต่อไป
องค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัย
- วัตถุพุทธศิลป์เป็นมรดกภูมิปัญญาที่หลากหลายมิติ ธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม และสัตตภัณฑ์ในล้านนา ไม่ใช่แค่วัตถุทางศาสนา แต่เป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ที่สะท้อน ความเชื่อทางศาสนา ความรู้ช่างฝีมือท้องถิ่น ความงามด้านศิลปะ มิติประวัติศาสตร์ ประเพณีและเศรษฐกิจชุมชน สิ่งเหล่านี้สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่นล้านนาในเชิงสุนทรียศาสตร์ จิตวิญญาณ และชุมชนอย่างเป็นองค์รวม
-
ระบบลวดลายและรูปแบบศิลปกรรมล้านนาเป็น “ภาษา” แห่งอัตลักษณ์ การออกแบบตกแต่งลวดลายมีระบบที่ซับซ้อน เช่น ลายพรรณพฤกษา เทวดา สัตว์หิมพานต์ วรรณกรรม ฯลฯ ธรรมาสน์นิยมทรงปราสาทสูง ตู้คัมภีร์ธรรมมีแบบ “หีบ” และ “ตู้” ส่วนสัตตภัณฑ์มีถึง 6 รูปแบบ แสดงให้เห็นถึง การพัฒนาองค์ความรู้ด้านรูปทรง เทคนิค ความเชื่อ ที่ฝังลึกในวัฒนธรรมท้องถิ่น เทคนิคงานช่าง เช่น แกะสลัก ลงรัก ปิดทอง ประดับกระจก เป็นการสืบทอด “ภูมิปัญญาช่างดั้งเดิม”
- ชุมชนท้องถิ่นคือ “ผู้จัดการวัฒนธรรม” ที่แท้จริง งานวิจัยเน้นว่าการธำรงอัตลักษณ์และการจัดการมรดกภูมิปัญญา จำเป็นต้องพึ่งพา “กลไกการมีส่วนร่วมของชุมชน” อย่างต่อเนื่อง โดยมีการเสนอ กลไก 4 ระดับ สำหรับการจัดการ ได้แก่ 1) การจัดการมรดกภูมิปัญญา 2) การจัดการบุคคล 3) การจัดการพื้นที่เรียนรู้ 4) การจัดการเครือข่าย ซึ่งเป็นแบบจำลองการจัดการที่ใช้ได้จริงและสามารถนำไปต่อยอดการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติประเภท “งานช่างฝีมือดั้งเดิม”
- การจัดการมรดกภูมิปัญญาคือการสร้าง “คุณค่าใหม่” ให้กับอดีต งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า บางวัดยังใช้งานวัตถุศักดิ์สิทธิ์นี้จริงในพิธีกรรม บางวัดเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ บางวัดบูรณะขึ้นใหม่ นำเสนอแนวคิด “การใช้ประโยชน์เชิงสมัยใหม่” ของมรดก เช่น เป็นแหล่งเรียนรู้ ศูนย์วัฒนธรรมท้องถิ่น หรือแหล่งท่องเที่ยว นี่คือการทำให้มรดกไม่ใช่ของเก่า แต่เป็น ทุนทางวัฒนธรรมร่วมสมัย ของชุมชนที่สามารถสร้างอาชีพและรายได้
- เชื่อมโยงสหศาสตร์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน การวิจัยผสานองค์ความรู้จากศาสนา ศิลปกรรม ช่างฝีมือ วัฒนธรรม และการจัดการ เกิดเป็นองค์ความรู้ข้ามศาสตร์ที่ครอบคลุม แสดงให้เห็นว่าการจัดการมรดกภูมิปัญญาไม่สามารถแยกขาดจากชีวิต วิถีชุมชน และระบบเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ งานวิจัยนี้จึงวางพื้นฐานให้กับ “การพัฒนาเชิงพื้นที่โดยใช้ทุนวัฒนธรรม” ซึ่งตอบโจทย์เศรษฐกิจสร้างสรรค์และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม