ธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม สัตตภัณฑ์ : การธำรงอัตลักษณ์ คุณค่าและการจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติโดยชุมชนในล้านนา

องค์ความรู้

งานวิจัยเรื่อง “ธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม สัตตภัณฑ์ : การธำรงอัตลักษณ์ คุณค่าและการจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติโดยชุมชนในล้านนา” มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาความสำคัญ คุณค่า ลวดลาย รูปแบบ และภูมิปัญญาเชิงช่างของธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม และสัตตภัณฑ์ในล้านนา พร้อมทั้งกลไกการธำรงอัตลักษณ์และการจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติโดยชุมชนล้านนา

ผลการวิจัย พบว่า

  1. ธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม และสัตตภัณฑ์ในล้านนา เป็นงานพุทธศิลป์ที่สร้างสรรค์ขึ้นจากความศรัทธาและภูมิปัญญาเชิงช่างล้านนา มีความวิจิตรสวยงาม ถวายเป็นเครื่องสักการบูชาแด่พระพุทธเจ้าและพระธรรม เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติที่มีคุณค่าด้านจิตใจ ด้านศิลปะด้านองค์ความรู้ ด้านประวัติศาสตร์ ด้านประเพณีพิธีกรรม และด้านการสร้างรายได้ในชุมชน
  2. ลวดลาย รูปแบบ และภูมิปัญญาเชิงช่างของธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม และสัตตภัณฑ์ในล้านนา มีการประดับลวดลายกลุ่มพรรณพฤกษา กลุ่มคติความเชื่อจากวรรณกรรม กลุ่มเทวดา และ
    กลุ่มสัตว์เป็นลวดลายหลักสำหรับตกแต่งชิ้นงานให้มีความโดดเด่นสวยงาม ซึ่งธรรมาสน์ในล้านนาส่วนใหญ่มีรูปแบบทรงปราสาทยอดสูงและทรงปราสาทหลังคาตัดไม่มียอด ส่วนตู้คัมภีร์ธรรมมี 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) แบบตู้คัมภีร์ธรรม 2) แบบหีบคัมภีร์ธรรม ประกอบด้วยหีบทรงลุ้ง ทรงสี่เหลี่ยม และทรงปราสาท ส่วนสัตตภัณฑ์มี 6 รูปแบบ ได้แก่ แบบสามเหลี่ยมแบบสี่เหลี่ยม แบบห้าเหลี่ยม แบบโค้งครึ่งวงกลม แบบบันไดแก้ว และแบบเสา ทั้งนี้งานพุทธศิลป์ทั้ง 3 ประเภทนี้ ตกแต่งด้วยเทคนิคงานปิดทองหรืองานลายคำ งานไม้แกะสลัก งานปั้น งานลงพื้นรักพื้นชาด และงานประดับกระจก เป็นภูมิปัญญาเชิงช่างที่นิยมในการประดับตกแต่งให้วิจิตรสวยงาม
  3. กลไกการธำรงอัตลักษณ์และการจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ“ธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม และสัตตภัณฑ์” ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของวัด ชุมชน หน่วยงานด้านวัฒนธรรม และสถาบันการศึกษา โดยต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยกลไก 4 ระดับ ได้แก่ 1. การจัดการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม 2. การจัดการคน 3. การจัดการพื้นที่เรียนรู้ 4. การจัดการเครือข่าย แนวทางดังกล่าวนี้เป็นกระบวนการจัดการที่มีความเหมาะสมสามารถใช้เป็นแนวทางในการ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ประเภทงานช่างฝีมือดั้งเดิม เพื่อธำรงไว้ให้เป็นอัตลักษณ์ล้านนาต่อไป

องค์ความรู้ที่ได้จากงานวิจัย

  1. วัตถุพุทธศิลป์เป็นมรดกภูมิปัญญาที่หลากหลายมิติ ธรรมาสน์ ตู้คัมภีร์ธรรม และสัตตภัณฑ์ในล้านนา ไม่ใช่แค่วัตถุทางศาสนา แต่เป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ที่สะท้อน ความเชื่อทางศาสนา ความรู้ช่างฝีมือท้องถิ่น ความงามด้านศิลปะ มิติประวัติศาสตร์ ประเพณีและเศรษฐกิจชุมชน สิ่งเหล่านี้สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่นล้านนาในเชิงสุนทรียศาสตร์ จิตวิญญาณ และชุมชนอย่างเป็นองค์รวม
  2. ระบบลวดลายและรูปแบบศิลปกรรมล้านนาเป็น “ภาษา” แห่งอัตลักษณ์ การออกแบบตกแต่งลวดลายมีระบบที่ซับซ้อน เช่น ลายพรรณพฤกษา เทวดา สัตว์หิมพานต์ วรรณกรรม ฯลฯ ธรรมาสน์นิยมทรงปราสาทสูง ตู้คัมภีร์ธรรมมีแบบ “หีบ” และ “ตู้” ส่วนสัตตภัณฑ์มีถึง 6 รูปแบบ  แสดงให้เห็นถึง การพัฒนาองค์ความรู้ด้านรูปทรง เทคนิค ความเชื่อ ที่ฝังลึกในวัฒนธรรมท้องถิ่น เทคนิคงานช่าง เช่น แกะสลัก ลงรัก ปิดทอง ประดับกระจก เป็นการสืบทอด “ภูมิปัญญาช่างดั้งเดิม”

  3. ชุมชนท้องถิ่นคือ “ผู้จัดการวัฒนธรรม” ที่แท้จริง งานวิจัยเน้นว่าการธำรงอัตลักษณ์และการจัดการมรดกภูมิปัญญา จำเป็นต้องพึ่งพา “กลไกการมีส่วนร่วมของชุมชน” อย่างต่อเนื่อง โดยมีการเสนอ กลไก 4 ระดับ สำหรับการจัดการ ได้แก่ 1) การจัดการมรดกภูมิปัญญา 2) การจัดการบุคคล 3) การจัดการพื้นที่เรียนรู้ 4) การจัดการเครือข่าย ซึ่งเป็นแบบจำลองการจัดการที่ใช้ได้จริงและสามารถนำไปต่อยอดการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติประเภท “งานช่างฝีมือดั้งเดิม”
  4. การจัดการมรดกภูมิปัญญาคือการสร้าง “คุณค่าใหม่” ให้กับอดีต งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า บางวัดยังใช้งานวัตถุศักดิ์สิทธิ์นี้จริงในพิธีกรรม บางวัดเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ บางวัดบูรณะขึ้นใหม่ นำเสนอแนวคิด “การใช้ประโยชน์เชิงสมัยใหม่” ของมรดก เช่น เป็นแหล่งเรียนรู้ ศูนย์วัฒนธรรมท้องถิ่น หรือแหล่งท่องเที่ยว นี่คือการทำให้มรดกไม่ใช่ของเก่า แต่เป็น ทุนทางวัฒนธรรมร่วมสมัย ของชุมชนที่สามารถสร้างอาชีพและรายได้
  5. เชื่อมโยงสหศาสตร์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน การวิจัยผสานองค์ความรู้จากศาสนา ศิลปกรรม ช่างฝีมือ วัฒนธรรม และการจัดการ เกิดเป็นองค์ความรู้ข้ามศาสตร์ที่ครอบคลุม แสดงให้เห็นว่าการจัดการมรดกภูมิปัญญาไม่สามารถแยกขาดจากชีวิต วิถีชุมชน และระบบเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ งานวิจัยนี้จึงวางพื้นฐานให้กับ “การพัฒนาเชิงพื้นที่โดยใช้ทุนวัฒนธรรม” ซึ่งตอบโจทย์เศรษฐกิจสร้างสรรค์และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

 

Scroll to Top
ห้องวิจัยพุทธศาสตร์อัจฉริยะ BRL: Buddhist Research LAB
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.