
การเสริมสร้างพลังเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อขับเคลื่อนเมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุข
- ประเภท : ชุมชนต้นแบบ
- ผู้วิจัย : ผศ.ดร. ขันทอง วัฒนะประดิษฐ์ และคณะ
- ที่อยู่ : อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- สังกัด : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
- อีเมล : khantong.wat@mcu.ac.th
- แหล่งทุน : กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2565
ประวัติ
ตัวเลข 32 -54 -61 คือตัวเลขที่สะท้อนทิศทางสถานการณ์ความสุขของประเทศไทย โดยการจัดอันดับความสุขของ Gross National Happiness (GNH) แม้ว่าผลกระทบจากสถานการณ์โรคไว้รัสโคโรน่า (Covid 19) อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้คนทั่วโลกมีความสุขลดลง รวมถึงสถานการณ์ไม่สงบจากภัยสงครามระหว่างประเทศยูเครนและรัสเซียที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก แต่อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า ประเทศฟิลิปปินส์ ที่เคยถูกจัดอันดับระดับความสุขน้อยกว่าประเทศไทย กลับพบว่า ในปี 2022 ประเทศฟิลิปปินส์ถูกจัดอันดับความสุขสูงกว่าประเทศไทย
มีข้อมูลที่ชี้ให้เห็นถึงตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ใช่ตัวบ่งชี้ความสุขของคนในประเทศทั้งหมด ดังเช่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม้จะมีตัวเลข GDP อันดับที่ 5 ของประเทศ แต่เมื่อวัดความสุขของคนในจังหวัดพบว่า อยู่ในอันดับที่ 57 แต่ในทางตรงข้าม จังหวัดที่มีตัวเลข GDP อยู่อันดับท้ายของประเทศกลับมีความสุขติดอันดับต้นของประเทศ เช่น จังหวัดแม่ฮ่องสอน
จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีจุดแข็งที่สำคัญ คือ ความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม คือ ชาวพุทธ คริสต์ อิสลาม สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขมาเนิ่นนาน เรียกได้ว่าเป็นต้นแบบพื้นที่สันติภาพแบบไร้รอยต่อหรือความขัดแย้งในทางศาสนาและวัฒนธรรม และมีโบราณสถานแหล่งท่องเที่ยวโบราณที่เป็นอัตลักษณ์ประเทศไทยที่สำคัญในระดับโลก เป็นจุดดึงดูดสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามการรวมตัวร่วมกลุ่มต่าง ๆ ที่จะมาร่วมพัฒนาจังหวัดยังไม่เข้มแข็งพอและขาดบรรยากาศที่เอื้อให้พลังภาคประชาชนมีความเข้มแข็งสามารถผลักดันนโยบายในการพัฒนาจังหวัดที่เป็นความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง
แผนงานวิจัย เรื่อง “Pixel Krungkaow: กลไกการเสริมสร้างพลังอำนาจทางสังคมเพื่อพัฒนาเมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุข” มีความมุ่งหมายที่จะนำจุดแข็งอันได้แก่ ความเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม การรวมกลุ่มของประชาชนจิตอาสาที่หลากหลายมาร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมวิเคราะห์ ร่วมรับผล ซึ่งนับว่าเป็นกลไกการเสริมสร้างพลังอำนาจทางสังคมที่จะสามารถพัฒนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้เป็นเมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุข โดยการนำองค์ความรู้จากงานวิจัย 2 เรื่อง คือ งานวิจัยสันติภาพไร้รอยต่อ และ งานวิจัยวิศวรกรสันติภาพท้องถิ่น มาต่อยอดขยายผล เพื่อให้เกิดการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
วัตถุประสงค์การวิจัย
- เพื่อศึกษาถอดบทเรียนวิถีเมืองแห่งความสุขต้นแบบพื้นที่ที่มีความเป็น พหุวัฒนธรรมในจังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดตรัง
- เพื่อพัฒนาการเสริมสร้างพลังเครือข่ายภาคประชาชนขับเคลื่อนเมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุขในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
- เพื่อนำเสนอกลไกการเสริมสร้างพลังเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อขับเคลื่อนเมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุขในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ผลการวิจัย พบว่า
- การพัฒนาการเสริมสร้างพลังเครือข่ายภาคประชาชนขับเคลื่อนเมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุขในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประกอบด้วย 4 ระยะ ประกอบด้วย (1) เตรียมคน เตรียมข้อมูล วิเคราะห์บริบทการรับรู้ความสุขในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (2) ปฏิบัติการพัฒนาเสริมสร้างพลังผู้นำอาสาสร้างเครือข่ายแบบมีส่วนร่วม (3) ปฏิบัติขับเคลื่อนแผนสู่การปฏิบัติกิจกรรมสร้างสรรค์เมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุขด้วยการเสริมสร้างพลังเครือข่าย (4) เหลียวหลังแลหน้า ทบทวนการทำงานและวางแผนรวมพลังเครือข่ายขยายพื้นที่แห่งความสุขโดยมีกิจกรรมย่อย 16 กิจกรรม ในการทำโครงการร่วมกัน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการขยะสร้างสุข โครงการท่องเที่ยวชุมชน โครงการมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของกองทุน ทำให้เกิดการมีส่วนร่วม ในการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมสังเกต ร่วมสะท้อนผลและร่วมรับผลประโยชน์ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะขับเคลื่อนเมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุข 4 ภาพได้แก่ กายภาพ สังคมภาพจิตภาพ และปัญญาภาพ
- กลไกการเสริมสร้างพลังเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อขับเคลื่อนเมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุขในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประกอบด้วย 5 หลักการที่สำคัญ ประกอบด้วย 1) การร่วมกลุ่มแกนนำอาสา 2) การร่วมเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง 3) การร่วมปฏิบัติการสร้างสุขในชุมชน 4)พลังแห่งการร่วมสื่อสารติดตามขยายเครือข่าย 5) การมีกัลยาณมิตรบนฐานคิดการใช้วิจัยเพื่อพัฒนาชุมชน หลักการนี้มีหัวใจสำคัญเชื่อมด้วยกัน คือ การมีส่วนร่วมของชุมชน และรากฐานการใช้งานวิจัยเพื่อชุมชนที่มีชุมชนมาร่วมเป็นนักวิจัยและพี่เลี้ยงที่เป็นนักวิจัย
องค์ความรู้จากงานวิจัย
การเสริมสร้างพลังเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อขับเคลื่อนเมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุข ได้โมเดล “PAR SUK: สานพลังแกนนำอาสาสร้างการมีส่วนร่วมเมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุข”
- PAR – Participatory หลักการมีส่วนร่วมซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเสริมพลังอำนาจภาคประชาชนให้มีความเข้มแข็ง มี 3 หลักการสำคัญที่ต้องคำนึงถึง คือ ความเต็มใจและตั้งใจ ความเสมอภาค เสรีภาพและอิสรภาพ การมีส่วนร่วมจะเป็นการเสริมสร้างพลังชุมชนให้สามารถนำศักยภาพที่มี ทั้งที่เป็นเรื่องของทุนทางสังคม วัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาใช้ให้เกิดประโยชน์และทุกคนมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา ตั้งแต่ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผลประโยชน์ ร่วมประเมินติดตามผล ทั้งนี้ต้องอาศัยการทำงานแบบวงจร PAOR คือ การวางแผน (Plan) การปฏิบัติ (Act) การสังเกตการณ์ (Observe) และการสะท้อนการปฏิบัติ (Reflection) โดยการใช้วิจัยเพื่อชุมชนเป็นฐานในการสร้างพลังอำนาจให้ชุมชนโดยอาศัยพลังแห่งกัลยาณมิตรบนฐานคิดการใช้วิจัยได้สร้างองค์ความรู้ บทเรียนและภูมิปัญญาปฏิบัติ สั่งสมเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ มีความเติบโตและเจริญงอกงามทางศิลปะและวัฒนธรรม บูรณาการอยู่ในวิถีปฏิบัติและวิถีความเป็นชุมชน
- SUK ความสุข หมายถึง เมืองพหุวัฒนธรรมแห่งความสุขที่ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน คือ จิตภาพ ปัญญาภาพ กายภาพ และสังคมภาพ โดยการขับเคลื่อนของเครือข่ายภาคประชาชนที่ได้รับการเสริมพลังอำนาจที่เป็นวงจร 4 ขั้น คือ 1) พลังแห่งการร่วมกลุ่มแกนนำอาสา 2) พลังแห่งการร่วมเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง 3) พลังแห่งการร่วมปฏิบัติการสร้างสุขในชุมชนด้วยเครือข่ายแกนนำอาสา 4) พลังแห่งการร่วมสื่อสารติดตามขยายเครือข่าย
อ่านเพิ่มเติม >>> การเสริมสร้างพลังเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อขับเคลื่อน
ชุดองค์ความรู้ >>> องค์ความรู้ การเสริมสร้างพลังเครือข่าย