พุทธศิลปกรรมบำบัด : การร่วมสร้างพระพุทธรูปดอกไม้ ในชุมชนบ้านป่าตุ้มดอน อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่

องค์ความรู้

การวิจัยเรื่องพุทธศิลปกรรมบำบัด: การร่วมสร้างพระพุทธรูปดอกไม้ในชุมชนบ้านป่าตุ้มดอน อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์ ๑) ศึกษาแนวคิด คติความเชื่อ และรูปแบบพุทธศิลปกรรมพระพุทธรูปดอกไม้ในล้านนา ๒) วิเคราะห์รูปแบบพระพุทธรูปดอกไม้ในอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ๓) สร้างสรรค์พระพุทธรูปดอกไม้โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ระเบียบวิธีการวิจัยเป็นแบบผสานวิธี ประกอบด้วย ๑) การวิจัยเชิงเอกสาร เพื่อให้ได้องค์ความรู้เกี่ยวกับแนวคิด คติความเชื่อ และรูปแบบพุทธศิลปกรรมพระพุทธรูปดอกไม้ในเอกสาร ๒) การวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นการลงพื้นที่เพื่อศึกษาและวิเคราะห์รูปแบบพระพุทธรูปดอกไม้ในอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ และ ๓) การวิจัยเชิงปฏิบัติการ เป็นการนำองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษามาสังเคราะห์เพื่อประโยชน์ในการสร้างสรรค์พระพุทธรูปดอกไม้โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนที่วัดป่าตุ้มดอน อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่การวิจัย คือ ชุมชนและวัดป่าตุ้มดอน อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการวิจัย ประกอบด้วยกลุ่มบุคคล ๒ กลุ่ม ๑) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลในเชิงคุณภาพ ได้แก่ ๑.๑) พระสงฆ์ ที่มีองค์ความรู้เกี่ยวกับพระดอกไม้ในพื้นที่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๓ รูป ๑.๒) ผู้เชี่ยวชาญทางศิลปกรรม จำนวน ๒ คน ๑.๓) ผู้นำชุมชนและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์พระพุทธรูปดอกไม้ จำนวน ๒ คน และ ๒) กลุ่มแกนนำต้นแบบในเชิงปฏิบัติการ ได้แก่ แกนนำในชุมชนป่าตุ้มดอนที่ได้รับการคัดเลือกจากคนในชุมชน จำนวน ๒๐ คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ๑) แบบบันทึกข้อมูลการสำรวจพระพุทธรูปเกสรดอกไม้ ๒) แบบสัมภาษณ์เชิงลึกเกี่ยวกับการสร้างสรรค์พระพุทธรูปดอกไม้ ๓) แบบทดสอบความสุขของกรมสุขภาพจิต ก่อนและหลังทำกิจกรรม การวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย ๑) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเอกสาร โดยวิธีการจำแนกไปตามเรื่องราวและรูปแบบของงานศิลปะด้วยวิธีการพรรณนา รวมทั้งอธิบายตีความตามเนื้อหาสาระที่ปรากฏอยู่ในงานพุทธศิลป์เหล่านั้น เพื่อให้ได้ความรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติความสำคัญ กรรมวิธีการสร้าง และรูปแบบพุทธศิลปกรรมพระพุทธรูปดอกไม้โดยทั่วไป ตลอดถึงคติความเชื่อและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปดอกไม้ทั้งในภาพรวมและในวัฒนธรรมล้านนา ๒) การวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยเชิงปฏิบัติการ เป็นการนำองค์ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาวิจัยส่วนที่ ๑ มาเป็นแรงบันดาลใจและแนวทางในการสร้างสรรค์ผลงาน รวมไปถึงการบันทึก รวบรวม ข้อมูล การค้นคว้าทดลอง ตลอดกระบวนการสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ ๓) การวิเคราะห์ตามแบบทดสอบความสุขของกรมสุขภาพจิต รวมกับการวิเคราะห์ตามหลักพละ ๕ สำหรับวัดความสุขของผู้เข้าร่วมกิจกรรม

ผลการวิจัยพบว่า ๑) จากองค์ความรู้ในพระไตรปิฎก พบดอกไม้ที่ใช้บูชาพระพุทธเจ้า ๒๙ ชนิด ส่วนดอกไม้ที่ชาวล้านนานิยมนำมาใช้บูชามี ๔๒ ชนิด การสร้างพระพุทธรูปดอกไม้ในล้านนา พบตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๒๔ เป็นอย่างช้า เชื่อว่าได้รับอานิสงส์มากกว่าการสร้างด้วยวัสดุอื่น ๆ ยกเว้นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยทองคำ แก้วมณี ไม้จันทน์และไม้มหาโพธิ์ ลักษณะเป็นพระพุทธรูปล้านนาฝีมือช่างพื้นถิ่นที่ได้รับอิทธิพลศิลปะสุโขทัย รัตนโกสินทร์ และแบบพระพุทธรูปพม่า ศิลปะมัณฑะเลย์

๒) พระพุทธรูปดอกไม้ในอำเภอพร้าว พบที่วัดป่าตุ้มดอน ๓๓ องค์ วัดสันขวาง ๑๗ องค์ เป็นพระพุทธรูปพม่าศิลปะมัณฑะเลย์ นำเข้ามาจากพม่า ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๓๘-๒๔๗๘ มีทั้งพระพุทธรูปและพระสาวกได้แก่พระอุปคุตกับพระบัวเข็ม ที่ฐานพระพุทธรูปส่วนหนึ่งพบจารึกแสดงคติเกี่ยวกับอายุพระพุทธศาสนา ๕,๐๐๐ และความสุข ๓ ประการ

๓) การสร้างสรรค์พระพุทธรูปดอกไม้โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ใช้พื้นที่ของวัดป่าตุ้มดอนเป็นพื้นที่สร้างสรรค์งาน ซึ่งเป็นพื้นที่ของชุมชนไทใหญ่ มีแกนนำชุมชน ๒๐ คนเข้าร่วมกิจกรรม ๕ กิจกรรม เป็นไปตามกระบวนการตามแนวคิดของโคเฮน และอัพฮอฟ ผลจากการวิจัยนี้ทำให้เกิดพันธสัญญาของคนในชุมชนว่าจะช่วยกันสร้างพระพุทธรูปดอกไม้ประดับตามเสาและคานวิหารวัดป่าตุ้มดอน และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดโครงการสร้างนวัตกรรมของนักเรียนโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา จังหวัดกาญจนบุรี

ทั้งนี้พบว่าคะแนนสุขภาพจิตโดยรวมของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้นภายหลังการเข้าร่วมกิจกรรม และเป็นไปตามหลักพละ ๕ จึงสรุปได้ว่าการร่วมสร้างพระพุทธรูปดอกไม้ของคนในชุมชนป่าตุ้มดอนมีผลในการเสริมสร้างความสุขของผู้ร่วมกิจกรรม

Scroll to Top
ห้องวิจัยพุทธศาสตร์อัจฉริยะ BRL: Buddhist Research LAB
Privacy Overview

This website uses cookies so that we can provide you with the best user experience possible. Cookie information is stored in your browser and performs functions such as recognising you when you return to our website and helping our team to understand which sections of the website you find most interesting and useful.