
พุทธศิลปกรรมบำบัด : การร่วมสร้างพระพุทธรูปดอกไม้ ในชุมชนบ้านป่าตุ้มดอน อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
- ผู้วิจัย : ผศ.ดร.ศิริศักดิ์ อภิศักดิ์มนตรี
- สังกัด : มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่
- อีเมล : sirisakdixphisakdimntri@gmail.com
- แหล่งทุน : กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
- ที่มา : พระพุทธรูปดอกไม้ การมีส่วนร่วม พุทธศิลปกรรมบำบัด
องค์ความรู้
การวิจัยเรื่องพุทธศิลปกรรมบำบัด: การร่วมสร้างพระพุทธรูปดอกไม้ในชุมชนบ้านป่าตุ้มดอน อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์ ๑) ศึกษาแนวคิด คติความเชื่อ และรูปแบบพุทธศิลปกรรมพระพุทธรูปดอกไม้ในล้านนา ๒) วิเคราะห์รูปแบบพระพุทธรูปดอกไม้ในอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ๓) สร้างสรรค์พระพุทธรูปดอกไม้โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ระเบียบวิธีการวิจัยเป็นแบบผสานวิธี ประกอบด้วย ๑) การวิจัยเชิงเอกสาร เพื่อให้ได้องค์ความรู้เกี่ยวกับแนวคิด คติความเชื่อ และรูปแบบพุทธศิลปกรรมพระพุทธรูปดอกไม้ในเอกสาร ๒) การวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นการลงพื้นที่เพื่อศึกษาและวิเคราะห์รูปแบบพระพุทธรูปดอกไม้ในอำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ และ ๓) การวิจัยเชิงปฏิบัติการ เป็นการนำองค์ความรู้ที่ได้จากการศึกษามาสังเคราะห์เพื่อประโยชน์ในการสร้างสรรค์พระพุทธรูปดอกไม้โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนที่วัดป่าตุ้มดอน อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่การวิจัย คือ ชุมชนและวัดป่าตุ้มดอน อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการวิจัย ประกอบด้วยกลุ่มบุคคล ๒ กลุ่ม ๑) กลุ่มผู้ให้ข้อมูลในเชิงคุณภาพ ได้แก่ ๑.๑) พระสงฆ์ ที่มีองค์ความรู้เกี่ยวกับพระดอกไม้ในพื้นที่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๓ รูป ๑.๒) ผู้เชี่ยวชาญทางศิลปกรรม จำนวน ๒ คน ๑.๓) ผู้นำชุมชนและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์พระพุทธรูปดอกไม้ จำนวน ๒ คน และ ๒) กลุ่มแกนนำต้นแบบในเชิงปฏิบัติการ ได้แก่ แกนนำในชุมชนป่าตุ้มดอนที่ได้รับการคัดเลือกจากคนในชุมชน จำนวน ๒๐ คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย ๑) แบบบันทึกข้อมูลการสำรวจพระพุทธรูปเกสรดอกไม้ ๒) แบบสัมภาษณ์เชิงลึกเกี่ยวกับการสร้างสรรค์พระพุทธรูปดอกไม้ ๓) แบบทดสอบความสุขของกรมสุขภาพจิต ก่อนและหลังทำกิจกรรม การวิเคราะห์ข้อมูลประกอบด้วย ๑) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงเอกสาร โดยวิธีการจำแนกไปตามเรื่องราวและรูปแบบของงานศิลปะด้วยวิธีการพรรณนา รวมทั้งอธิบายตีความตามเนื้อหาสาระที่ปรากฏอยู่ในงานพุทธศิลป์เหล่านั้น เพื่อให้ได้ความรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติความสำคัญ กรรมวิธีการสร้าง และรูปแบบพุทธศิลปกรรมพระพุทธรูปดอกไม้โดยทั่วไป ตลอดถึงคติความเชื่อและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธรูปดอกไม้ทั้งในภาพรวมและในวัฒนธรรมล้านนา ๒) การวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยเชิงปฏิบัติการ เป็นการนำองค์ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาวิจัยส่วนที่ ๑ มาเป็นแรงบันดาลใจและแนวทางในการสร้างสรรค์ผลงาน รวมไปถึงการบันทึก รวบรวม ข้อมูล การค้นคว้าทดลอง ตลอดกระบวนการสร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ ๓) การวิเคราะห์ตามแบบทดสอบความสุขของกรมสุขภาพจิต รวมกับการวิเคราะห์ตามหลักพละ ๕ สำหรับวัดความสุขของผู้เข้าร่วมกิจกรรม
ผลการวิจัยพบว่า ๑) จากองค์ความรู้ในพระไตรปิฎก พบดอกไม้ที่ใช้บูชาพระพุทธเจ้า ๒๙ ชนิด ส่วนดอกไม้ที่ชาวล้านนานิยมนำมาใช้บูชามี ๔๒ ชนิด การสร้างพระพุทธรูปดอกไม้ในล้านนา พบตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๒๔ เป็นอย่างช้า เชื่อว่าได้รับอานิสงส์มากกว่าการสร้างด้วยวัสดุอื่น ๆ ยกเว้นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยทองคำ แก้วมณี ไม้จันทน์และไม้มหาโพธิ์ ลักษณะเป็นพระพุทธรูปล้านนาฝีมือช่างพื้นถิ่นที่ได้รับอิทธิพลศิลปะสุโขทัย รัตนโกสินทร์ และแบบพระพุทธรูปพม่า ศิลปะมัณฑะเลย์
๒) พระพุทธรูปดอกไม้ในอำเภอพร้าว พบที่วัดป่าตุ้มดอน ๓๓ องค์ วัดสันขวาง ๑๗ องค์ เป็นพระพุทธรูปพม่าศิลปะมัณฑะเลย์ นำเข้ามาจากพม่า ระหว่าง พ.ศ. ๒๔๓๘-๒๔๗๘ มีทั้งพระพุทธรูปและพระสาวกได้แก่พระอุปคุตกับพระบัวเข็ม ที่ฐานพระพุทธรูปส่วนหนึ่งพบจารึกแสดงคติเกี่ยวกับอายุพระพุทธศาสนา ๕,๐๐๐ และความสุข ๓ ประการ
๓) การสร้างสรรค์พระพุทธรูปดอกไม้โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ใช้พื้นที่ของวัดป่าตุ้มดอนเป็นพื้นที่สร้างสรรค์งาน ซึ่งเป็นพื้นที่ของชุมชนไทใหญ่ มีแกนนำชุมชน ๒๐ คนเข้าร่วมกิจกรรม ๕ กิจกรรม เป็นไปตามกระบวนการตามแนวคิดของโคเฮน และอัพฮอฟ ผลจากการวิจัยนี้ทำให้เกิดพันธสัญญาของคนในชุมชนว่าจะช่วยกันสร้างพระพุทธรูปดอกไม้ประดับตามเสาและคานวิหารวัดป่าตุ้มดอน และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดโครงการสร้างนวัตกรรมของนักเรียนโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา จังหวัดกาญจนบุรี
ทั้งนี้พบว่าคะแนนสุขภาพจิตโดยรวมของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มขึ้นภายหลังการเข้าร่วมกิจกรรม และเป็นไปตามหลักพละ ๕ จึงสรุปได้ว่าการร่วมสร้างพระพุทธรูปดอกไม้ของคนในชุมชนป่าตุ้มดอนมีผลในการเสริมสร้างความสุขของผู้ร่วมกิจกรรม