รูปแบบการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดในประเทศไทย
- ผู้วิจัย : รศ.ดร. อภิญญา ฉัตรช่อฟ้า พระครูสุธีกิตติบัณฑิต, รศ.ดร. พระปลัดระพิน พุทฺธิสาโร, รศ.ดร. พระสมุห์ประจิรักษ์ มหาปญฺโญ
- สังกัด : คณะสังคมศาสตร์
- อีเมล : krisada.sae@mcu.ac.th
- แหล่งทุน : สกสว. 2567
- ที่มา : รศ.ดร. อภิญญา ฉัตรช่อฟ้า พระครูสุธีกิตติบัณฑิต, รศ.ดร. พระปลัดระพิน พุทฺธิสาโร, รศ.ดร. พระสมุห์ประจิรักษ์ มหาปญฺโญ
องค์ความรู้
ความเป็นมา
การบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดในประเทศไทยเป็นประเด็นสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของคณะสงฆ์ ปัจจุบันพบว่าพระสงฆ์จำนวนมากยังขาดความรู้ด้านกฎหมาย การบัญชี และระเบียบการบริหารเกี่ยวกับศาสนสมบัติ ทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งกับหน่วยงานของรัฐและชุมชน เช่น การก่อสร้างวัดผิดกฎหมาย การบุกรุกพื้นที่โบราณสถาน และการจัดการที่ดินไม่ถูกต้องตามระเบียบ ส่งผลให้พระสงฆ์บางรูปถูกดำเนินคดีและสร้างความเสียหายต่อพระพุทธศาสนาโดยรวม ปัญหาเหล่านี้สะท้อนถึงการขาดระบบกำกับดูแลและกลไกการบริหารจัดการที่เป็นมาตรฐาน งานวิจัยนี้จึงมุ่งพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดให้เป็นระบบ มีความโปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ โดยบูรณาการหลักพุทธธรรม กฎหมาย และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสร้างนวัตกรรม เช่น สำนักจัดการทรัพย์สินพระพุทธศาสนา และ ระบบฐานข้อมูลทรัพย์สินของวัด ซึ่งจะช่วยให้การจัดการวัดมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับกฎหมาย และส่งเสริมบทบาทของคณะสงฆ์ให้เป็นพลังทางสังคมที่มั่นคงและยั่งยืน
วัตถุประสงค์การวิจัย
- เพื่อศึกษาหลักการและวิธีการในการจัดการทรัพย์สินของวัดในประเทศไทย
- เพื่อศึกษาแนวทางและพัฒนาต้นแบบสำนักจัดการทรัพย์สินของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
- เพื่อพัฒนาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการจัดการทรัพย์สินของพระพุทธศาสนาในประเทศไทย
องค์ความรู้
โครงสร้างและความสัมพันธ์ขององค์ประกอบต่างๆ ในการจัดตั้งสำนักจัดการทรัพย์สินพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับจังหวัดที่มีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลและบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดอย่างเป็นระบบ ในโครงสร้างหลัก สำนักจัดการทรัพย์สินพระพุทธศาสนาประกอบด้วยคณะกรรมการบริหารและผู้อำนวยการสำนัก โดยคณะกรรมการบริหารมีเจ้าคณะจังหวัดเป็นประธาน และประกอบด้วยตัวแทนจากหลายภาคส่วน ได้แก่ รองเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าอาวาสวัดสำคัญ ผู้แทนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งโครงสร้างนี้ช่วยให้เกิดการบูรณาการมุมมองและความเชี่ยวชาญจากทั้งฝ่ายสงฆ์และฆราวาส ภายใต้การกำกับดูแลของผู้อำนวยการสำนัก มีการแบ่งส่วนงานภายในเป็น ๔ ฝ่ายหลัก ได้แก่ ฝ่ายนโยบายและแผนงาน ฝ่ายบริหารจัดการทรัพย์สินและการเงิน ฝ่ายกฎหมายและการตรวจสอบ และฝ่ายส่งเสริมและพัฒนา การแบ่งฝ่ายงานในลักษณะนี้ช่วยให้การดำเนินงานของสำนักฯ ครอบคลุมทุกมิติของการจัดการทรัพย์สิน ตั้งแต่การวางแผน การบริหารจัดการ การกำกับดูแลตามกฎหมาย ไปจนถึงการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินของวัด ในด้านแหล่งทุนและงบประมาณ แผนภาพแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของแหล่งเงินทุน ซึ่งประกอบด้วยงบประมาณจากคณะสงฆ์ส่วนกลาง เงินบริจาค รายได้จากการบริหารทรัพย์สิน และเงินสนับสนุนจากหน่วยงานอื่น ความหลากหลายนี้ช่วยให้สำนักฯ มีความมั่นคงทางการเงินและสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง โครงสร้างที่นำเสนอในแผนภาพนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วม การบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการสร้างความสมดุลระหว่างหลักการทางพระพุทธศาสนากับการบริหารจัดการสมัยใหม่ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้การจัดการทรัพย์สินของวัดมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อพระพุทธศาสนาและสังคมโดยรวม
ข้อเสนอแนะ
- มหาเถรสมาคมควรพิจารณาจัดตั้งสำนักจัดการทรัพย์สินพระพุทธศาสนา ในระดับจังหวัด เพื่อเป็นกลไกหลักในการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ
- วุฒิสภาควรผลักดันการปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับบริบทปัจจุบันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพย์สินของวัด
- สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติควรพัฒนาระบบฐานข้อมูลทรัพย์สินของวัดที่เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบได้
- คณะสงฆ์ควรส่งเสริมการนำหลักธรรมาภิบาลและหลักพุทธธรรมมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดอย่างเป็นรูปธรรม
- ภาครัฐควรสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพย์สินของวัด ทั้งฝ่ายสงฆ์และฆราวาส ผ่านการฝึกอบรมและการศึกษาดูงาน